หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทยเปิดตัวผู้สมัครว่าที่ ส.ส.หนองบัวลำภู




นำทีมโดย นายพิษณุ หัตถสงเคราห์ หรือฉายา น๊อต ยิ่งขันยิ่งแน่น อดีต ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทยบ้านใหญ่”หัตถสงเคราะห์” เปิดบ้านนำทีมผู้สมัคร 3 เขต สู้ศึกเลือกตั้ง ไม่หวั่นคนเก่าทิ้งพรรคเชื่อคนใหม่มาแทน มีความสามารถในพื้นที่ ส่งน้องน้องชาย อดีต.ส.ส.ลงปาตี้ลิสต์ ปราบสแกมเมอร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2568 ที่ หอประชุมริมพะเนียง บ้านเลขที่ 33/1 บ้านหาดสวรรค์ ต.หนองบัว อ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู ซึ่งเป็นสำนักงานพรรคเพื่อไทยประจำจังหวัดหนองบัวลำภู โดยในช่วงเช้าวันนี้ได้มีการประชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทยที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อขอรับฟังความคิดเห็นการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต ทั้ง 3 เขต และแบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งดำเนินการ โดย นางสาวโอปอล์ หัตถสงเคราะห์ ตัวแทนพรรคเพื่อไทยประจำจังหวัดหนองบัวลำภู
โดยที่ประชุมมติเห็นชอบเสนอชื่อ นายพิษณุหัตถสงเคราะห์ ลงเขตเลือกตั้งที่ 1 นายรุ่งเพชร ศรีกาญจนา ลงเขตเลือกตั้งที่ 2 นายณพล เชยคำแหง ลงเขตเลือกตั้งที่ 3 และ นายสยาม หัตถสงเคราะห์ ลงสมัครแบบบัญชีรายชื่อของพรรค พร้อมทั้งได้มีการให้ ผู้ที่ทางพรรคเสนอชื่อให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ในครั้งนี้ ได้มีการแนะนำตัวให้กับ สมาชิกพรรคที่ให้การรับรองได้รู้จัก ทั้ง แบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตเลือกตั้งทั้ง 4 คน
สำหรับจังหวัดหนองบัวลำภู ได้แยกมาจากจังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2536 เป็นเวลาย่างเข้า 33 ปี แล้ว มีเขตเลือกตั้ง 3 เขต ซึ่งในเขตเลือกตั้งที่ 1 นั้น ตระกูลหัตถสงเคราะห์ ครองพื้นที่เป็น ส.ส.มาตั้งแต่ สมัย นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีและหนองบัวลำภู อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
หลังจากได้ส่งไม้ต่อให้กับ นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ ลูกชายคนโต ลงสมัคร และได้เป็น ส.ส. หนองบัวลำภู เขตเลือกตั้งที่ 1 อยู่ 2 สมัย และต่อมาได้ส่ง นายสยาม หัตถสงเคราะห์ น้องชาย ลงสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตได้เป็น ส.ส. 2 สมัย ส่วนตัว นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ ได้ไปลงสมัครในบัญชีรายชื่อ
สำหรับการเลือกตั้งในปี 2569 ได้เปลี่ยนให้ นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ พี่ชายและอดีต ส.ส.มาลงสู้ศึกที่คาดว่าน่าจะต้องอาศัยเกมการเมืองที่เข้มข้นกว่าครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเห็นว่า นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ เป็นคนที่คลุกคลีคุ้นเคยกับคนในพื้นที่ ซึ่ง ชาวบ้านจะรู้จักกันดี ในนาม พิษณุ หรือ น๊อต ยิ่งขันยิ่งแน่น เป็นฉายาที่ชาวบ้านคุ้นชินกันเป็นอย่างดี มาลุยสนามแบบแบ่งเขต และ ส่งให้ นายสยาม หัตถสงเคาะห์ น้องชาย อดีต ส.ส. 2 สมัย ไปลงเลือกตั้งในบัญชีรายชื่อของพรรคแทน เนื่องจากที่ผ่านมา ในช่วงที่เป็น ส.ส. นั้น นายสยาม หัตถสงเคราะห์ เคยทำหน้าที่ ประธานกรรมาธิการดิจิตอลของสภาผู้แทนราษฎร ติดตามปราปรามแก้งค์สแกมเมอร์ มาก่อน มีความรู้เรื่อง เอไอ เป็นอย่างดี เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่
ส่วนที่ เขตเลือกตั้งที่ 2 นั้น ทางพรรคได้ส่ง นายรุ่งเพชร ศรีกาญจนา แทน นายไชยา พรหมา ที่ย้ายไปพรรคกล้าธรรม สำหรับ นาย รุ่งเพชร ศรีกาญจนา เคยเป็นอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. พรรคไทยสร้างไทย เมื่อปี 2566 ได้คะแนน 21,661 คะแนน มาเป็นอันดับ 2 และเป็นอดีต สจ. 2 สมัย ของอำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมทั้งเคยเป็นอดีตนายกเทศมนตรีตำบลโนนสูงเปลือย อ.ศรีบุญเรือง และเป็นอีกตระกูลหนึ่งในพื้นที่อำเภอศรีบุญเรือง ในการลงสนามการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ
ยังได้เปิดความในใจว่า แม้ว่า ผู้สมัคร คนเก่าจะเป็นแชมป์มาหลายสมัย แต่ผมก็เชื่อมั่นว่าคนรุ่นใหม่ก็ยังจะให้โอกาส เข้ามาทำงานอยากให้พี่น้องชาวอำเภอศรีบุญเรือง อำเภอนาวัง และ อำเภอโนนสัง บางส่วนลองให้โอกาส รุ่งเพชรฯ เข้าไปทำงานดู ครับแล้วท่านจะรู้ว่าคนใหม่ ที่มาอยู่พรรคเพื่อไทย เขาทำได้จริงๆ ซึ่ง นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ แกนนำหลักของพรรคเพื่อไทยจังหวัดหนองบัวลำภู ก็ได้ให้ความเห็นว่า นายรุ่งเพชร ศรีกาญจนา ไม่ใช่คนหน้าใหม่ แต่เป็นคนเก่าที่เคยสู้ศึกเลือกตั้งมาแล้ว มีความสามารถในพื้นที่ พร้อมสู้ได้ทุกพรรค เหมือนกัน
สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 3 นายณพล เชยคำแหง หรือ ส.ส. เสก อดีต ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทยมาแล้ว 1 สมัยและยังยืนหยัดอยู่กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเขตเลือกตั้งที่ จะเป็นอีกเขตหนึ่งที่ มีอดีตนักการเมืองลงสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า การลงสมัคร ส.ส.ครั้งแรกก็รู้สึกหนักใจ แต่ครั้งที่ 2 หนักใจยิ่งกว่า ที่เราจะต้องรักษาตำแหน่งให้ได้ บวกกับสถานการณ์ทางการเมืองที่มีลูกพลิกผลันเยอะ และมีหลายพรรคการเมืองที่สนใจ ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ทำให้จังหวัดหนองบัวลำภู เนื้อหอม มีหลายพรรคส่งผู้สมัครมา
และที่ผ่านมา จังหวัดหนองบัวลำภู มีผู้แทนพรรคเพื่อไทยมาตลอด และก็ยังเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยยังอยู่ในหัวใจของพี่น้องประชาขน จังหวัดหนองบัวลำภู ทุกๆ คน และก็ยังมั่นใจว่า พี่น้องจะต้องเลือกในสิ่งที่เห็นอนาคต มองเห็นถึงความเป็นจริง เรื่องที่ผู้ใหญ่ภายในพรรคได้ทำให้กับพี่น้องประชาชนผ่านมา ทั้ง การทำให้พี่น้องประชาชนหลุดพ้นจากความยากจน จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นเมืองเกษตรในช่วงที่ พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลราคาพืชผลทางการเกษตรก็ดี นโยบายของพรรคมุ่งตรงไปยังพี่น้องประชาชน เป็นนโยบายที่ทำได้จริง เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค เอสเอ็มแอล เรื่องของที่ทำกิน และยาเสพติด
นอกจากนั้น อดีต ส.ส.เสก ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมาปัญหายาเสพติด ที่เกิดในพื้นที่ อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง ในเหตุกราดยิง 36 ศพ นั้น ซึ่งเป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบของตนเอง ชาวบ้านยังพูดถึงกันเลยว่า “หากพ่อใหญ่ทักษิณ เป็น นายกรัฐมนตรี เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้น “ เพราะมีการปราบปรามปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง
ทางด้าน นายสยาม หัตถสงเคราะห์ อดีต ส.ส.หนองบัวลำภู เขต 1 พรรคเพื่อไทย 2 สมัย กล่าวกับชาวบ้านว่า ถึงแม้ตนเองจะไปลงสมัครในแบบบัญชีรายชื่อ แต่ก็จะกลับมาดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่เหมือนเดิมและอาจจะมามากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ครั้งนี้ไปลงในปาร์ตี้ลิสต์หรือบัญชีรายชื่อ นั้น ก็เพื่ออยากจะไปดูแล ในเรื่องของ กลุ่มแสกมเมอร์ที่คอยหลอกลวงพี่น้องประชาชนคนไทย เนื่องจากที่ผ่านมา ตนเองได้เคยเป็น ประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กมธ.ดีอี) สภาผู้แทนราษฎร มาก่อน ได้ติดตามเรื่องการปราบปรามเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื้อง จึงได้ลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ เพื่อจะได้ไปทำหน้าที่ในด้านนี้ เพื่อพี่น้องประชาชนคนไทย
ทางด้าน นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ (น๊อต) กล่าวว่า ตนเองมีความชำนาญในพื้นที่ เรื่องที่อยากทำให้กับพี่น้องชาวหนองบัวลำภู คือ เรื่องปัญหายาเสพติด เหมือนกับที่ทีมงานผู้สมัครพรรคเพื่อไทยได้กล่าวไปแล้ว ว่า จังหวัดหนองบัวลำภู คือเรื่องของยาเสพติดกับซึ่งผมคิดว่า เราต้องวางระบบให้ดี ตนได้นำเสนอในพรรคไป ในเรื่องของศูนย์บำบัดยาเสพติด หรือ ค่ายคืนคนดีสู่สังคม พูดทุกครั้งที่อภิปราย โดยเฉพาะงบประมาณ ต้องจัดงบประมาณลงมาให้มันชัดเจน
ทำอย่างไรเกือบทุกหมู่บ้านลูกหลานติดยาเสพติด พ่อแม่ไม่รู้จักจะแก้ยังไงเอาไปเข้าโรงพยาบาลอยู่ได้ 3 วันแล้วส่งกลับมาแล้ว ก็มาป้วนเปี้ยนวุ่นวายอยู่แล้วมันไม่จบ แต่ถ้าเอาเข้าค่ายคนดี ให้มีทุกๆ ตำบล เลยหรือ อย่างน้อยอำเภอละ 1 แห่ง ที่มาตรฐาน ให้ไปอยู่สัก 120 วัน มันเริ่มห่างยาขึ้นเริ่มเริ่มปรับตัวขึ้น มันจะหาย ส่วนเรื่องที่ 2 เป็นปัญหาเรื่องน้ำที่อุปโภคบริโภคไม่ได้มาตรฐาน และเรื่องราคาผลผลิตของพี่น้องเกษตรกร ที่ทำแล้วจะต้องไม่ขาดทุนให้มีราคา มีกำไรอย่างน้อยร้อยละ 30 ไม่ใช่ทำแล้วขาดทุน .
สุภัชรกานต์ แก้วสิงห์ รายงานข่าวจากจังหวัดหนองบัวลำภู
Share this content:
