ชาวไร่อ้อยภาคอีสานไม่ยอมรับมติรัฐบาลที่ ประกาศราคาอ้อย ที่ 890 บาท ราคาเดียวทั่วประเทศ









เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 9 ธันวาคม 2568 ที่ห้องประชุมสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยภาคตะวันอกเฉียงเหนือ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี นายสิทธิบูรณ์ รัชตะสุวิโรจน์ ประธานสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน ได้เป็นประธานในการประชุมและปรึกษาหารือร่วมกันเรื่องการกำหนดรูปแบบการเรียกร้องของชาวไร่อ้อยเพื่อให้ได้รับราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิต ปี 2568/2569 ที่เป็นธรรมและแนวทางให้ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลให้คุ้มกับต้นทุน การปลูกอ้อยและตัดอ้อยสด โดยมีนายไพบูรย์ ธิติศักดิ์ นายกสาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นายธิวากร ศิริกุล เลขาธิการสมาคมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน พร้อมด้วยกรรมการจากสถาบันชาวไร่อ้อย จังหวัดต่าง ๆ ในภาคอีสาน เข้าร่วมประมาณ 80 คน ซึ่งผลในที่ประชุมได้มีมติไม่เห็นด้วยกับประกาศของรัฐบาลที่ ประกาศราคาอ้อยขั้นต้นปี 2568/2569 ที่ 890 บาท ราคาเดียวทั่วประเทศ โดยโรงงานยินดีจะสำรองจ่ายล่วงหน้า 40 บาท ให้ในเขตที่สูง (1,3,6,9)
หลังจากเสร็จสิ้นการปรึกษาหารือแล้ว นายสิทธิบูรณ์ รัชตะสุวิโรจน์ พร้อมด้วยคณะได้ออกมาแถลงข่าวว่า ในวันนี้พวกเราจากสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อย ภาคอีสานทั้งหมด ได้ประชุมปรึกษาหารือกันเพื่อแสดงจุดยืน
เรียกร้องไปยังรัฐบาลว่าวันนี้ราคาอ้อยที่ได้รับเป็นราคาอ้อยที่ตกต่ำมาก สิ่งที่เราทำในวันนี้เพื่อเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่าวันนี้ควรพิจารณาข้อเรียกร้องของชาวไร่อ้อย ในการประกาศราคาอ้อยทุกเขตที่ 95 % เพื่อให้เกิดความถูกต้องตามคุณภาพของอ้อยที่มีอยู่ วันนี้การที่ประกาศราคาเดียว ทำให้พี่น้องชาวไร่อ้อยในหลายเขตหลายพื้นที่ ไม่ได้รับราคาอ้อยของตัวเองตามคุณภาพอ้อยของตัวเอง ซึ่งเป็นปัญหากับพี่น้องเกษตรกรเป็นอย่างมาก วันนี้เขาทำดี เขาปลูกอ้อยดี ยังได้รับราคาที่ไม่ดี ทั้งที่คิดราคาเป็นรายเกณฑ์แล้ว ราคาของเขาต้องมีราคาที่สูงกว่าราคาในเขตอื่น ดังนั้นขอเรียกร้องว่าควรจะพิจารณาข้อเรียกร้องของชาวไร่อ้อย ควรที่จะประกาศราคาอ้อยให้เกิดให้มันถูกต้องเป็นธรรมกับชาวไร่อ้อย ที่ 95 % ทุกเขต นี้คือเรื่องที่วันนี้เราประชุมปรึกษาหารือกัน
ประการที่สองคือในวันนี้ราคาอ้อย ตกต่ำอยู่แล้ว พวกเราก็อยากที่เรียกร้องว่า ทางภาครัฐจะต้องกันงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อมาดูแลชาวไร่อ้อย อย่างน้อยก็ต้องกันงบประมาณช่วยเหลือ ซึ่งราคาอ้อยอย่างน้อยตันละ 200 บาท เพื่อให้เขาสามารถปลูกอ้อยและสามารถดำรงชีวิตได้คุ้มค่ากับต้นทุนของการผลิต เนื่องจากต้นทุนของชาวไร่อ้อยทุกวันนี้อยู่ที่ 1,358 บาท ซึ่งเป็นต้นทุนที่ค่อนข้างจะสูงมาก วันนี้เรามาเรียกร้องเพื่อให้รัฐบาลหาทางช่วยเหลือบ้างเล็กน้อย ให้รัฐบาลหาแนวทางมาช่วยเหลือในเรื่องนี้ด้วยซึ่งเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่มาในวันนี้
ประเด็นที่สามพี่น้องชาวไร่อ้อยเหล่านี้ สำหรับการตัดอ้อยในวันนี้เราบอกได้ว่าให้ความร่วมมือกับภาครัฐเป็นอย่างดีในการตัดอ้อยสด แต่ที่ผ่านมาภาครัฐให้การดูแลพี่น้องชาวไร่อ้อยน้อยลง ๆ อย่างปีที่ผ่านมาเราตัดอ้อยสดต้นทุน 150 – 200 บาท แต่รัฐช่วยเหลือเพียง 69 บาท ซึ่งมันสวนทางการทำอ้อยสดที่สวนทางขึ้นมาทุกปี อย่างเช่นกันในปีนี้ เปิดหีบมานี่อ้อยไฟไหม้แทบจะไม่มี ดูแล้วทุกโรงจะมีแต่อ้อยสด นอกจากอ้อยที่เกิดอุบัตเหตุเท่านั้น วันนี้เราจึงขอเรียกร้องไปยังภาครัฐ ให้มาช่วยชาวไร่อ้อย ให้ความจริงใจกับชาวไร่อ้อย ที่ตัดอ้อยสดซึ่งรักษาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่เป็นนโยบายของรัฐบาลอย่าให้ขาด ตันละ 120 บาท
จากนี้เราจะขอความร่วมมือไปยังองค์กรที่เหลือไม่ว่าสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และสหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทยว่าวันที่ 11 ธันวาคม นี้เราจะยื่นหนังสือผ่าน ผวจ.อุดรไปยังนายกรัฐมนตรีว่าให้พิจารณาให้พวกเราได้ไปชี้แจงและช่วยแก้ปัญหาของพวกเราในเร็ววัน ภายในสัปดาห์นี้เป็นยิ่งดี เพราะทุกวันนี้ชาวไร่อ้อยได้รับความเดือดร้อนมาก ซึ่งมันคุ้มกับต้นทุนเลย ถ้านายกฯ ยังไม่มาช่วยเหลือเราก็จะพากันไปเรียกร้องหน้าบ้านของท่านละ จาก 10 ปี ที่ผ่านมา ปีนี้เป็นปีที่สาหัสที่สุดสำหรับการทำไร่อ้อย เราหวังว่านายกฯ หรือรัฐมนตรีคงรับฟังความคิดเห็นของพวกเรา ซึ่งเราไม่ไปเรียกร้องขอเพิ่มราคา แต่เราขอให้ประกาศตามคุณภาพอ้อยที่มีอยู่ตามหลักเกณฑ์ตามกติกาที่มีอยู่ ให้เกิดความชอบธรรม และให้เกิดความถูกต้องในระเบียบที่มีอยู่ คือไม่เกิน 95 % ของราคาที่คิดคำนวณได้ในแต่ละเขต อันนี้คือข้อเรียกร้องของชาวไร่อ้อย เราในวันนี้
นายชัยรัตน์ แก่นคูณ นายกสมาคมชาวไร่อ้อยน้ำพอง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า“ตนขอเพิ่มเติมหน่อยว่า ในฐานะที่เป็นตัวแทนของชาวไร่อ้อยมานานก็อยากฝากไปยังสำนักงานอ้อย โปรดช่วยสะกดกับคำว่าความเป็นธรรมให้กับภาคอีสานด้วย เพราะราคาอ้อยของภาคอีสาน คุณไปประกาศเอาเขตต่ำสุดมาให้กับภาคอีสานได้รับในราคาที่ 890 บาท นี่ มันไม่เป็นธรรมกับเขาเลย ต้นทุนเขาอยู่ที่ 1,356 บาท เราขอ 95% ของราคาอ้อย ที่พวกเราคำนวณออกมา ได้ที่ 950 บาท แต่วันนี้ท่านประกาศ 890 บาทนี่ เงินในกระเป๋าเราหายไป 60 บาท อ้อยรถหนึ่ง 20 ตัน สำหรับชาวไร่อ้อยรายเล็กนั้นเงินหายไป 1,200 บาท ซึ่งเงินนี้สำหรับครอบครัวที่ยากจน ที่ขาดสภาพคล่อง มันจะทำให้ฟ้าเขาสว่างใหมละครับ ก็อยากจะฝากไปยังสำนักงานว่าให้สะกดคำว่า ความเป็นธรรม ให้มันเป็นหน่อยครับ”
Share this content:
