อับดุลหาดี/ยะลา
“กำนันเพื่อน” สุไหงปาดี นำทัพ 70 ชีวิต ลุยตี 4 กวาดซากน้ำท่วมหาดใหญ่




เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 68 ในห้วงเวลาที่เมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา กำลังเร่งฟื้นตัวจากอุทกภัยครั้งใหญ่ ภาพแห่งการหลั่งไหลของน้ำใจไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่หน่วยงานหลักของรัฐเท่านั้น แต่ยังปรากฏภาพอันน่าประทับใจของการรวมพลังจากพื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) สะท้อนปรากฏการณ์ “พลังใต้” ที่เชื่อมโยงความรู้สึกของผู้คนในภูมิภาคเข้าด้วยกันอย่างลึกซึ้ง
ปฏิบัติการครั้งนี้ถูกขับเคลื่อนโดย นายธนาธิป พรหมชื่น หรือ “กำนันเพื่อน” อดีตกำนันตำบลสุไหงปาดี อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ก่อตั้ง “ชุดคุ้มครองตำบล” หรือ ชคต. ต้นแบบแห่งแรกของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ กำนันเพื่อน ซึ่งปัจจุบันเป็น สว.สำรองคนที่ 5 ของจังหวัดนราธิวาส ได้นำทีมจิตอาสาจากสุไหงปาดีจำนวนกว่า 70 ชีวิต พร้อมด้วยยานพาหนะรวม 8 คัน (รถบัส 1 คัน และรถกระบะ 7 คัน) ออกเดินทางไกลข้ามจังหวัดมายังหาดใหญ่ โดยมีเป้าหมายเดียวคือการร่วม “ลุยตี 4” เก็บกวาดทำความสะอาดพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก “มาตี 4 ครับ ออกจากสุไหงปาดี มาเพื่อมาช่วยพี่น้องหาดใหญ่ มาช่วยทำความสะอาด” กำนันเพื่อนกล่าวอย่างหนักแน่นถึงความตั้งใจของการเดินทางครั้งนี้ที่มุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือและกำลังใจแก่ชาวหาดใหญ่
การขับเคลื่อนในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นพลังน้ำใจในฐานะพลเมือง แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจร่วมกับ พรรคประชาชาติ โดยมีการแบ่งโซนการเก็บกวาดทำความสะอาดในซอยต่าง ๆ ของอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาอย่างเป็นระบบ กำนันเพื่อนได้รับภารกิจนี้จาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ ให้มาช่วยเหลือพี่น้องชาวหาดใหญ่ จุดปฏิบัติการหลักของทีมจิตอาสาจากสุไหงปาดีในครั้งนี้ คือการช่วยเหลือ ณ มัสยิดกลางดีย์นุลอิสลาม ซึ่งเป็นศูนย์กลางการฟื้นฟูที่สำคัญแห่งหนึ่ง การเคลื่อนไหวของกลุ่มจิตอาสาจากสุไหงปาดีในครั้งนี้มีความสำคัญที่ลึกซึ้งกว่าแค่ภารกิจบรรเทาทุกข์ในเชิงกายภาพ แต่ยังสะท้อนถึงประเด็นทางสังคมและการเมืองที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ เชื่อมรอยร้าว และหลอมรวม “ความเป็นคนใต้” ที่อยู่เหนือความแตกต่างในมิติอื่น ๆ
หาดใหญ่ในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคใต้ตอนล่าง มักถูกมองว่าแตกต่างจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในหลายมิติ ทั้งด้านความมั่นคงและบริบททางสังคม แต่เมื่อเกิดวิกฤตภัยพิบัติ กำลังพลจากนราธิวาส รีบเดินทางมาช่วยเหลือด้วยกำลังคนจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึง “ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” ของคนในภูมิภาคที่อยู่เหนือความแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา หรือสถานการณ์ความมั่นคง
อดีตกำนันสุไหงปาดีใช้ตำแหน่งและบารมีในการระดมทรัพยากรทั้งคนและรถยนต์จำนวนมากเพื่อช่วยเหลือ การเคลื่อนไหวนี้ตอกย้ำถึงบทบาทของผู้นำท้องที่ใน จชต. ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การดูแลความมั่นคงในพื้นที่ของตน แต่ยังขยายไปสู่การเป็นผู้ขับเคลื่อนกิจกรรมสาธารณะที่สร้างสรรค์และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับพื้นที่อื่น ๆ
ในช่วงเวลาที่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มักถูกนำเสนอในข่าวสารด้วยประเด็นความมั่นคงและปัญหาความขัดแย้งเป็นหลัก การเดินทางมา “ให้” ความช่วยเหลือในยามที่หาดใหญ่ประสบภัยพิบัติ จึงเป็นการสื่อสารเชิงบวกที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
โดยธรรมชาติของมนุษย์ การช่วยเหลือกันในยามเดือดร้อนสามารถช่วยบรรเทาความรู้สึกแปลกแยกและสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างพื้นที่ได้ในระยะยาว
ปฏิบัติการ “ลุยตี 4” ของอดีตกำนันและจิตอาสา 70 ชีวิตจากสุไหงปาดี จึงไม่ใช่แค่การกวาดล้างซากน้ำท่วม แต่คือการ กวาดล้างความรู้สึกแปลกแยก และเป็นสัญลักษณ์ของความผูกพันที่แข็งแกร่งระหว่างผู้คนในภาคใต้ ในยามที่ประเทศไทยเผชิญกับความทุกข์ยากจากภัยธรรมชาติ
Share this content:
