กล่าวว่าเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 68 ศาลจังหวัดอุบลราชธานี มีคำพิพากษาให้ จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ โดยวินิจฉัยว่า การที่จำเลยอ้างความเป็นโมฆะของนิติกรรม เนื่องจากโครงการสวัสดิการไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีนั้น ไม่อาจฟังขึ้นได้ เพราะสมาชิกผู้เข้าร่วมโครงการ มิได้มีส่วนรู้เห็นหรือเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายแต่อย่างใด

จำเลยได้จัดตั้งโครงการสวัสดิการ ๕ โครงการโดยรับเอาค่าสมัครจากสมาชิกเพื่อนำไปลงทุนให้สมาชิกกู้ยืมเงินเมื่อได้ดอกเบี้ยและผลตอบแทนจากการลงทุนจะนำเข้ากองทุนเงินฝากสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือครอบครัวสมาชิกเมื่อสมาชิกถึงแก่ความตายหรือการจ่ายเมื่อสิ้นปีงบประมาณเมื่อสมาชิกอายุครบ๖๐ ปีบริบูรณ์ โดยจำเลยจัดตั้งโครงการสวัสดิการดังกล่าวจำเลยมิได้รับอนุญาตจากคณะรัฐมนตรี การที่สมาชิกและคนอื่นนำเงินมาสมัครสมาชิกโครงการดังกล่าวก็เพราะต้องการให้ทายาทได้รับประโยชน์เมื่อเสียชีวิต ส่วนจำเลยจะขออนุญาตในการจัดตั้งโครงการหรือไม่ สมาชิกไม่มีส่วนรู้เห็น นิติกรรมที่ทำไปจะเป็นโมฆะเมื่อโจทก์และสมาชิกได้ทราบถึงการที่ไม่อนุญาตนั่น

ศาลเห็นว่า เมื่อสมาชิกและโจทก์ไม่ทราบถึงความไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวในขณะทำสัญญา นิติกรรมนั้นไม่เป็นโมฆะ และโจทก์ในฐานะผู้ได้รับประโยชน์จากนิติกรรม ย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้โดยชอบ


วันนี้…เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า “ความจริงและความยุติธรรม” ยังคงมีพลัง เมื่อเรายืนหยัดด้วยศรัทธาในกฎหมาย
ภัทรพล #ฐิติภวัตสกุล #ทนายปอปลา #ทีมกฎหมายแห่งความยุติธรรม #อุบลราชธานี
ว่าที่ผู้สมัครสส.#ปทุมธานี
Share this content:
