โจรโหดใช้จอบทุบหัวฆ่าแม่ค้ากลางตลาดคาดมานอนเฝ้าร้านเพื่อจับขโมยจะเอ๋กันเลยโดนฆ่าปิดปาก
เมื่อเวลา 07.10 น.วันที่ 18 กันยายน 2568 พ.ต.ท.ยืนยง คำบอน สว.(สอบสวน) สภ.เพ็ญ ได้รับแจ้งเหตุ มีคนถูกฆ่าทุบศีรษะ ที่ร้านขายของเบ็ดเตล็ด ภายในตลาดสดเทศบาลตำบลเพ็ญ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.เศกสันต์ ฤาเวทย์ รอง ผกก.สส.สภ.เพ็ญ นำกำลังตำรวจสืบสวน พร้อมด้วย แพทย์เวร รพ.เพ็ญ อาสากู้ภัยมูลนิธิสว่างเมธาธรรม จุดอำเภอเพ็ญ รุดไปตรวจสอบ












ที่เกิดเหตุพบว่าอยู่ในตลาดพบพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาตลาด ต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ ในความโหดร้ายของฆาตกร ภายในร้านซึ่งกั้นแบ่งเป็นล็อกร้านค้า พบศพ น.ส.เพชราพร สีดาคำ หรือหน่อง อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 122/1 หมู่ 1 ต.เพ็ญ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี เจ้าของร้าน ถูกทุบศีรษะด้วยของแข็ง นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่ที่พื้น สภาพศพสวมเสื้อยืดสีกากี กางเกงขาสั้นลายช้างสีม่วง
ตรวจที่เกิดเหตุพบมีดตัดเล็บหักคาดว่าผู้ตายกำลังก้มลงตัดเล็บ และพบจอบเปื้อนดินและคาบเลือดวางอยู่ใกล้ศพ คาดว่าเป็นอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากการชันสูตรพบ บาดแผลถูกทุบด้วยของแข็งบริเวณท้ายทอย ขมับซ้าย และขมับขวา เป็นบาดแผลยาวประมาณ 3-5 ซม. และชายโครงด้านซ้ายถูกทุบตีจนเขียวช้ำ เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง จึงนำร่างไปชันสูตรที่แผนกนิติเวช รพ.ศูนย์อุดรธานี จากการสอบสวนเบื้องต้นน.ส.ทิฆัมพร วัฒนสกุลเพ็ญ อายุ39ปี น้องสาวผู้ตาย ได้ให้ข้อมูลว่า จอบที่พบในที่เกิดเหตุ ไม่ทราบว่าเป็นของใคร เป็นไปได้ว่าจะเป็นของพี่สาวหรือของคนร้าย เพราะดูจอบแล้วมีคาบดินกับเลือดติดอยู่ที่จอบ ซึ่งเป็นจอบที่ผ่านการใช้งานไปแล้ว
ขณะที่นายวีระ ใจขาน อายุ 62 ปี พี่เขยผู้ตาย กล่าวว่า ผู้ตายเป็นน้องภรรยา เป็นโสด ไม่มีครอบครัว จะมาเช่าที่ในตลาดเปิดร้านขายของมากว่า 30 ปี ซึ่งจะมีลูกจ้างเป็นผู้หญิง 1 คน ปกติผู้ตายจะกลับไปนอนที่บ้านสวน แต่จะมานอนเฝ้าร้านเป็นบางครั้ง แต่เมื่อคืนผู้ตายก็มานอนเฝ้าร้าน เพราะก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์ ผู้ตายเล่าว่าเงินในร้านหายประมาณ 2 หมื่นบาท ได้ไปแจ้งความที่ สภ.เพ็ญแล้ว ส่วนใหญ่จะเก็บเงินที่ขายของได้ไว้กับตัวเอง เพราะต้องใช้หมุนเวียนในการซื้อสินค้ามาขาย ที่มานอนก็หวังจะจับคนร้ายว่าเป็นใคร เช้านี้ลูกจ้างเข้ามาร้านแล้วพบศพ คาดว่าผู้ตายพบขโมยและถูกทำร้ายจนเสียชีวิต ก็อยากให้ตำรวจติดตามคนร้ายมาให้ได้
ส่วนนางรัชหมี ญาติอภิรักษ์ อายุ 58 ปี แม่ค้าในตลาด กล่าวว่า ปกติผู้ตายจะนอนอยู่ที่ร้านประจำ ซึ่งปกติตนจะคุยกับผู้ตายตลอด ตามประสาเพื่อนบ้านร้านใกล้กัน ผู้ตายมาเล่าให้ฟังว่า เงินในร้านหายบ่อย สงสัยคนนั้นคนนี้ ซึ่งผู้ตายก็พูดไปตามประสา เงินหายครั้งแรก 6,000 บาท ครั้งที่สอง 26,000 บาท ที่หายจำนวนมาก ซึ่งผู้ตายบอกว่าสงสัยเพื่อน ตนมาตลาดช่วงเที่ยงคืนหรือตี 1 ผู้ตายจะมานั่งดื่มน้ำร้อน และกาแฟด้วย เสร็จแล้วก็จะไปบ้านสวน
“แต่ 2 วันนี้ตนมาตลาดเวลา 03.00 น.ไม่พบผู้ตาย คิดว่าผู้ตายไปบ้านสวนแล้ว หลังจัดของเสร็จก็ไม่เห็นผู้ตายและร้านก็เงียบไม่คิดว่าจะมีเหตุอะไรเกิดขึ้น ซึ่งร้านผู้ตายจะเปิดสาย 06.00-07.00 น. ปิดเวลา 19.00 น. คาดว่าคนร้ายที่ขโมยเงินได้มาแอบดู เมื่อเช้านี้ลูกจ้างผู้ตายมาเปิดร้าน 07.00 น.แล้ววิ่งหน้าตาตื่นมาบอกตน จึงเดินไปดูแต่อยู่ห่างๆ เห็นนอนคว่ำหน้าผิวสีเหลือง คิดว่าเป็นลมวูบเสียชีวิต ไม่ได้คิดว่าถูกฆาตกรรม พอพี่เขยผู้ตายมาจึงรู้ว่าถูกฆ่า”
นางจิระภรณ์ ปัจฉิมุบุตร อายุ 61ปี แม่ค้าในตลาดอีกคนกล่าวว่า เมื่อคืนนี้ช่วงประมาณ เวลา 02.00 น. มีคนเห็นผู้ตายเดินไปเอาน้ำร้อนที่ร้านสะดวกซื้อ เพื่อนำกลับไปดื่มที่ร้าน ปกติจะเป็นคนพูดเสียงดังแต่ใจดี ก็ไม่รู้ว่าคนร้ายทำไมถึงมาฆ่าผู้ตาย ซึ่งตนก็ไม่รู้เรื่องของผู้ตายมากนัก
พ.ต.ท.ยืนยง เปิดเผยว่า คาดว่าจอบที่พบอาจจะเป็นของคนร้าย เพราะปกติหลังปิดร้านแล้ว ผู้ตายจะกลับไปนอนบ้านสวน ก่อนหน้านี้เงินของผู้ตายได้หายไป2หมื่นกว่าบาท โดยได้มาแจ้งความกับตำรวจ พร้อมบอกว่า ตนเองจะมานอนเฝ้าร้าน เพื่อจะจับโจรที่มาขโมยเงินให้ได้ ซึ่งมุ่งเป้าเป็นคนใกล้ตัวหรือเพื่อนที่รู้จักกัน
ตำรวจได้นำลูกจ้าง ซึ่งเป็นผู้หญิง ซึ่งพบศพคนแรกไปโรงพักทำการสอบสวน และตั้งสันนิษฐานว่า ผู้ตายมานอนเฝ้าร้าน เพื่อจับหัวขโมยที่เข้ามาขโมยเงินในร้าน ขณะนั่งตัดเล็บ พบขโมยเข้ามาในร้าน อาจจะเป็นคนรู้จักกันทำให้ถูกฆ่าปิดปาก ซึ่งตำรวจจะได้สืบสวนหาคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป
///////////////////////////รัฐธนินท์อุดร
Share this content:
