จับหนุ่ม44 หลอนยาควงมีดอาละวาดระแวงเมียปันใจ อ้างเป็นร่างทรงท้าวจตุโลกบาล










เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 8 กันยายน ขณะที่ ร.ต.อ.ธนวัฒน์ สรวงศิริ รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังสายตรวจออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทองว่า มีชายเมาเหล้าและหลอนยาอาละวาดกับภรรยาและแม่ โดยมีมีดทำครัวเป็นอาวุธ และทุบทำลายข้าวของภายในห้องนอน ที่บ้านเลขที่ 457/50 หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ถ.เลี่ยงเมือง อุดรธานี-สกลนคร ต.หมากแข้ง เขตเทศบาลนครอุดรธานี หลังจากได้รับแจ้งจึงนำกำลังชุดสายตรวจ 191 รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูน 2 ชั้น บริเวณด้านหน้าติดป้ายประกาศขาย ที่โต๊ะหน้าบ้านพบนายอาทิตย์ รินทรักษ์ หรือเต้า อายุ 44 ปี ลูกชายเจ้าของบ้าน สวมกางเกงขายาวสีขาว ไม่สวมเสื้อ นั่งอยู่บนโซฟาไม้อยู่โดยไม่มีอาวุธมีดอยู่ในมือ คาดว่านำไปเก็บไว้ในห้องครัวแล้ว ส่วนแม่และภรรยา พร้อมกับลูกชาย ได้หลบหนีไปอยู่ในบ้านของเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กัน พอตำรวจมาถึง ทั้งแม่และภรรยา จึงออกมาบอกให้ตำรวจควบคุมตัวไปทำการสอบสวนที่ สภ.เมืองอุดรธานี โดยไม่มีการขัดขืน
จากการสอบสวนนายอาทิตย์ฯ ให้การว่า เมื่อวานช่วงค่ำได้เสพยาบ้าไป 2 เม็ด และดื่มเหล้าขาวไป 1 ขวด ทำให้ตนมีความเครียด เนื่องจากตกงานที่เคยเป็น รปภ. และระแวงเมียปันใจให้ชายอื่น หลังจากภรรยากลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด พอกลับมาก็ไม่ให้แตะเนื้อต้องตัว จึงโมโหทุบทำลายข้าวของภายในห้องนอน แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายใคร เพียงแต่ถือมีดทำครัวขู่ภรรยาและแม่ของตนเท่านั้น ที่ตนรู้ว่ามีปันใจให้ชายอื่น เพราะตนศึกษาและนับถือท้าวจตุโลกบาล และสิ่งลี้ลับ จึงทำให้รู้เรื่องราวของภรรยา และขอสัญญาว่านับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป (ยกมือขึ้นพนม) จะเลิกเสพยาบ้า จะกลับตัวกลับใจมาเป็นคนดีของแม่ ภรรยา และลูกๆทั้ง 3 คน
น.ส.อณัญพร ศรีสัตต อายุ 43 ปี ภรรยาเปิดเผยว่า ได้อยู่กินกันกับสามีมา 20 กว่าปี มีลูกสาว 2 คน ลูกชาย 1 คน สามีติดเสพยาบ้า ดมกาว และติดเหล้า มาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น แต่เคยเห็นสามีกินเหล้า แต่เรื่องเสพยาและดมกาว เขาจะไม่ทำให้เห็น เวลามีอาการหลอนยาบ้าและกาว ถึงรู้ว่าสามีเสพติดยาและกาวด้วย จนระยะหลังเริ่มเพี้ยนหนักหาว่าตนปันใจให้ชายอื่น เวลาตนกลับบ้านไปทำบุญข้าวสากที่วัด ต.หนองสองห้อง อ.เมือง จ.หนองคาย แต่ก็ไปกับแม่ของสามี และไม่เคยปัญใจให้ชายอื่นเลย ตนคิดว่าสามีคงคิดไปเอง จากการติดเสพยาบ้ามานานหลายสิบปี กระทั่งเช้าวันนี้ก็ถือมีดมาหาเรื่องตน หาว่าตนไปนอนกับผู้ชายหลายๆคน และเตะเข้าที่เอวตน 1 ครั้ง ก่อนทุบทำลายข้าวของภายในห้องนอน แต่ไม่ทำร้ายลูกชาย กับแม่ของตัวเอง
ที่สามีว่าเครียดเพราะตกงานนั้นไม่ใช่ความจริง เขาทำงาน รปภ. แต่เวลาเมาเหล้าเมายาก็ไม่ยอมไปทำงาน นายจ้างจึงให้ออกจากงาน เวลาไม่มีเงินก็เอาข้าวของภายในบ้านไปขาย เช่นถ้วยชาม เครื่องใช้ต่างๆภายในบ้าน เพื่อไปซื้อยาบ้ามาเสพ และเหล้ามาดื่ม จนข้าวของมีค่าภายในบ้านแทบจะหมดแล้ว พอเมาและหลอนได้ที่ก็หาว่าเรานอกใจเป็นอย่างนี้เป็นประจำ ซ้ำไม่เคยช่วยค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว วันนี้จึงแจ้งตำรวจมาควบคุมตัวไปบำบัดรักษาอาการ เวลาสามีไม่หลอนยา ก็เป็นคนดี ทำกับข้าวให้ตนและลูกกิน แต่พอเมายาก็จะกลายเป็นคนละคน
“อยากให้เจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวข้องเร่งปราบปรามยาบ้าให้หมดไปเสียที เพราะทำให้ครอบครัวและสังคมเดือดร้อนแทบทุกวัน จะสังเกตเห็นคนติดยา เดินเร่ร่อนอยู่ตามถนน ตามซอย ในตัวเมืองอุดรธานีจำนวนมาก ก่อเหตุลักทรัพย์ ทำร้ายร่างกายกันประจำ”
นางลำเนาว์ วงค์สีดา อายุ 63 ปี แม่นายเต้า เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนมีลูกชาย 2 คน นายเต้าเป็นลูกชายคนโต และติดเสพยาบ้ามานานเกือบ 30 ปี เมื่อคืนนี้เขาเสพยาแล้วหลอนอาละวาดตนและเมียของเขา อ้างว่าเป็นร่างทรงองค์ปู่ใหญ่ องค์ปู่โน่นนี่นั่น หรือทุกองค์ปู่เลยก็ว่าได้ ทำท่าเหมือนองค์ปู่ประทับร่างสั่งลมออกจมูกเสียดังปื้ดๆ เห็นอะไรสะท้อนแสงก็ว่าเป็นทองคำไปหมด และจะเอาไปขาย เพราะที่ผ่านมาลูกชายก็เอาทรัพย์สินภายในบ้านไปขายซื้อยาบ้า จนข้าวของมีค่าภายในบ้านเกือบหมด
นางลำเนาว์ กล่าวต่อไปว่าช่วงโควิดระบาดเขาเคยลักทองรูปพรรณของตนที่เก็บสะสมในตู้เซฟ น้ำหนักรวม 50 บาท ไปขายเที่ยวกินตามผับตามบาร์ และซื้อยาบ้าเสพจนหมด เคยซื้อรถยนต์ให้ขับก็เอาไปขายอีก ชุดผ้าไหมของแม่ก็ลักเอาไปแลกยาบ้า เคยส่งไปทำงานต่างประเทศ 2 ครั้ง (เกาหลีใต้, ใต้หวัน) ก็ทำได้ 1 เดือน ก็ขอกลับมาบ้าน แม่ลงทุนเปิดร้านอาหาร คาร์แคร์ โรงผลิตน้ำดื่ม เขาก็ทำธุรกิจพังหมด ต้องทนทุกข์อย่างนี้มาเกือบ 30 ปี นอกจากทองรูปพรรณของตนหนัก 50 บาท มูลค่าประมาณ 2.5 ล้านบาท เขายังขโมยบัตรเครดิตสามีใหม่ของตน ชาวอังกฤษ ไปรูดซื้อทองรูปพรรณมาใส่จำนวน 1 ล้านบาท แล้วก็นำไปขายเที่ยวกินและซื้อยาบ้าเสพ จนสามีตนทนพฤติกรรมลูกชายของตนไม่ไหว
“อยากให้ลูกมีความสำนึกกลับตัวกลับใจมาเป็นคนดี เพราะแม่หมดกับเขาไปมากแล้ว ใกล้จะหมดตัวแล้ว แม้กระทั่งบ้านที่อยู่ตรงนี้ ก็ติดป้ายประกาศขายแล้ว เพราะไม่มีเงินใช้จ่าย แม่ทุกข์ใจมากที่สุด แต่ก็ไม่เคยว่าให้ลูกเลยสักครั้งเดียว มีแต่ไประบายให้เพื่อนๆในหมู่บ้านที่เขาเป็น อสม. ได้รับรู้ เพื่อนๆก็บอกว่าให้นำตัวลูกชายไปบำบัด แจ้งตำรวจมาที่บ้าน แต่ลูกชายก็ไม่ยินยอมสมัครใจไปบำบัด และหลบหนี หากไม่นำไปบำบัดรักษา วันข้างหน้ากลัวว่าเขาจะฆ่าคนในครอบครัว ทุกวันนี้ก็อยู่กันอย่างหวาดระแวง ไม่เป็นอันกินอันนอนเลย เวลาแจ้งตำรวจมาเขาก็จะเป็นคนดีปกติ พอตำรวจกลับเขาก็จะเป็นเหมือนเดิม และเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เขาแต่งกายเป็นร่างทรง หลังจากไปศึกษาเล่าเรียนวิชาไสยศาสตร์ สิ่งลี้ลับกับปู่ฤาษี แล้วมาทำพิธีเพี้ยนๆที่บ้าน บางครั้งก็เอามีดกรีดแขนตัวเองจนเลือดไหลหยดลงพื้นบ้าน ตนก็ถ่ายภาพกับคลิปเอาไว้ได้บางส่วน ”
ในเบื้องต้นจนท.ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายอาทิตย์ รินทรักษ์ หรือเต้าว่า “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และประพฤติตนวุ่นวาย” หลังตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง ส่งตัวบำบัดรักษาอาการที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี ตามความประสงค์ของผู้เป็นแม่และภรรยา
Share this content:
