สุรินทร์-เสียงชาวสุรินทร์ ฝากถึงนายกฯและแม่ทัพภาค2 คนใหม่ แก้ปากท้องและปัญหาความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา




วันที่ 6 กันยายน 2568 หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกุลนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยในพื้นที่เทศบาลเมือง จังหวัดสุรินทร์ เสียงของชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้า เจ้าของธุรกิจส่วนตัว และวินจักรยานยนต์รับจ้าง ต่างสะท้อนความคาดหวังไปยังนักการเมืองในสภา ว่าอยากให้ผู้ที่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องอย่างจริงจัง พร้อมทั้งเหตุการณ์ของชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตรึงเครียดอยู่ และให้จริงใจต่อประชาชน
สัมภาษณ์ นายสุรชัย สายเสมา อายุ 46 ปี พ่อค้าร้านลาบ บขส.สุรินทร์ เล่าว่า อยากให้ผู้นำทั้ง 2 ทั้ง ช่วยให้จบปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาโดยเร็ว เพราะชาวบ้านเดือดร้อน การค้าขายก็แย่อยากให้ดีขึ้น เพราะรายรับที่เคยได้หายไป 30 ถึง 40% แต่รายจ่ายยังคงเท่าเดิม ตนอยากฝากถึงนายกคนใหม่ถึงปัญหาเศรษฐกิจให้ช่วยดูแลให้ดีขึ้นด้วย ด้านการเมืองตนก็อยากฝากให้ทำตามคำพูดคำสัญญา เพราะคนไทยทุกวันนี้ต้องการการเปลี่ยนแปลง ด้านแม่ทัพภาค 2 ตนอยากฝากให้รักษาอุดมการณ์รักษาคำสัญญาของแม่ทัพกุ้งคนเดิมไว้ด้วย เพราะไม่อยากเสียแผ่นดินให้ใครอีกแล้ว ประชาชนอดทนได้แต่ไม่ยอมเสียแผ่นดินให้ใคร โดยเฉพาะการเร่งแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ที่ยากลำบากในปัจจุบัน ราคาสินค้าที่สูงขึ้นสวนทางกับรายได้ที่ลดลง ทำให้การใช้ชีวิตทุกวันเต็มไปด้วยความกดดัน “พวกเราขอแค่รัฐบาลใหม่อย่าเอาเวลาไปเล่นการเมืองมากเกินไป จนลืมว่าชาวบ้านเดือดร้อน ทั้งปัญหาภัยพิบัติ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาชายแดนการเมืองมากเกินไป จนลืมว่าชาวบ้านเดือดร้อน ทั้งปัญหาภัยพิบัติ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาชายแดน”
สัมภาษณ์ นายไพทูรย์ (ขับวิน มอเตอร์ไซค์) กล่าวว่า ตนนั้นอยากฝากปัญหาแนวชายแดนกับท่านแม่ทัพคนใหม่ อยากให้การรบครั้งนี้จบสิ้นไวๆเพราะชาวบ้านเดือดร้อน โดยเฉพาะคนอยู่แนวชายแดนเดือดร้อนมากอยากให้เด็ดขาด ด้านเศรษฐกิจก็ไม่ดีเป็นทั้งประเทศ และด้านนายกฯคนใหม่ตนนั้นอยากให้ท่านลงมาดูแลชายแดนโดยคิดเร็วแล้วทำเร็วให้ปัญหาชายแดนจบเร็วๆ ด้านเศรษฐกิจข้าวของแพง เงินหายากไม่สมดุลกับรายได้ที่รับมา
สัมภาษณ์ น.ส.ภาวิดา ประสิทธิเม อายุ 42 ปี เจ้าของธุรกิจห้าดาว กล่าวว่า ต้นอยากให้การเมืองนั้นนิ่งเพื่อให้สถานการณ์บ้านเมืองสงบโดยเร็วโดยเฉพาะปัญหาแนวชายแดนซึ่งจังหวัดสุรินทร์ได้รับผลกระทบ ค่อนข้างมาก เศรษฐกิจตอนนี้ซบเซามาก ตนอยากให้นายกคนใหม่สร้างความชัดเจนให้มากขึ้นสถานการณ์ต่อไปนี้จะเป็นไปในทางใด สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่า อยากให้เศรษฐกิจกลับมาโดยเร็ว อยากให้สงบและเยียวยาผู้มีผลกระทบ ด้านแม่ทัพภาค 2นั้น ตนให้มีความสงบอยากให้สถานการณ์ปะทะครั้งนี้จบโดยเร็ว เพื่อกลับเข้าสู่ความสงบ การค้าขายจะได้เดินหน้าต่อไป เพราะเศรษฐกิจแย่มากๆไม่สามารถเดินหน้าได้ เพราะถ้าทุกอย่างจบมีความชัดเจนทุกอย่างก็เดินหน้าต่อไปได้
ในขณะเดียวกัน ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยสะท้อนเสียงตรงกันว่า “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 นั้น แม้จะเหลือเวลาในการบริหารประเทศไม่มากนัก แต่ก็ยังคาดหวังว่าจะเห็นการแก้ปัญหาเชิงรูปธรรม ทั้งด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง และความมั่นคง โดยเฉพาะตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งหลายคนมองว่ายังเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องจัดการ เพื่อสร้างความมั่นใจในอธิปไตยของชาติ
เสียงชาวสุรินทร์ในครั้งนี้ อาจเป็นภาพสะท้อนเล็ก ๆ ของประชาชนในหลายจังหวัด ที่กำลังฝากความหวังไปยังสมาชิกรัฐสภาและผู้นำประเทศชุดใหม่ ว่าจะไม่ปล่อยให้การเมืองเป็นเพียงการต่อสู้ในสภา แต่ต้องเป็นพลังในการนำพาประเทศ และประชาชนให้เดินหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
เขมชาติ ชุณหกิจขจร / รมิตา สิงหเสรี…ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์
Share this content:
