รวบได้แล้วโจรตุ้งติ้งชิงสร้อยทองพ่อเฒ่าในโรงแรมอ้างความโลภสำนึกผิดร่ำไห้กราบเท้าแม่สัญญาออกมาจะเป็นคนดี












กรณีที่นายสมชาย อายุ 60 ปี เดินทางมาทำธุระในเมืองอุดรธานี และเข้าพักที่ห้องหมายเลข 109 โรงแรมแห่งหนึ่งในชุมชนคลองเจริญ เขตเทศบาลนครอุดรธานี หลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ระเบียงหลังห้องพัก ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ โดยลืมล็อคประตูระเบียง เมื่อออกจากห้องน้ำมา พบคนร้ายเป็นชาย ปีนระเบียงเข้ามาขโมยกระเป๋าสะพาย โทรศัพท์มือถือ และสร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทองหนัก 5 บาท กำลังจะหลบหนีไปจึงได้เข้าแย่งและต่อสู้เพื่อเอาทรัพย์สินคืน ได้กระเป๋าสะพายแต่โดนชกปากแตก แต่คนร้ายได้สร้อยทองวิ่งหลบหนีไปขี่ จยย.หลบหนีไป ซึ่งตำรวจตรวจกล้องวงจรปิดเห็นหน้าคนร้ายชัดเจน จึงออกสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดี เหตุเกิดเวลา 05.30 น. วันที่ 26 สิงหาคม 2568 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 27 สิงหาคม 2568 ที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.ชัยรัตน์ ประสารพันธ์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.พิเชฐ์ ปักเคธาติ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.บรรจง พาโคตร สว.สส. ร.ต.ท.สุขสันต์ หาสุข รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายตะวัน ปัจจุโส หรือหนึ่ง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 175 หมู่ 8 ต.นาคำไฮ อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู พร้อมของกลาง สร้อยคำทองคำพร้อมพระเลี่ยมทอง หนัก 5 บาท รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ สีชมพูดำขาว ทะเบียน 1กษ 2263 มหาสารคาม เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ โดยจับกุมได้ที่หอพักแห่งหนึ่งในซอยศรีชมชื่น1 เขตเทศบาลนครอุดรธานี แจ้งข้อหา “ชิงทรัพย์”
พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุข่าวนี้เป็นที่สนใจของชาวอุดรธานี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.บรรจง พาโคตร ได้ออกสืบสวนติดตามคนร้าย โดยทราบว่าคนร้ายได้เข้ามาที่อพาร์ทเม้นท์ 2 รอบ จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง จนทราบว่าคนร้ายพักอยู่ที่หอพัก ภายในซอยศรีชมชื่น 1 ถนนศรีชมชื่น เขตเทศบาลนครอุดรธานี จึงนำกำลังเข้าจับกุม จากการตรวจค้นพบสร้อยคอทองคำและพระเลี่ยมทองหนัก 5 บาท ซุกซ่อนอยู่ใต้เตียง รถจักรยานยนต์และเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ จึงควบคุมตัวมาทำการสอบสวนที่ สภ.เมืองอุดรธานี
จากการสอบสวนนายตะวัน ให้การรับสารภาพว่า ทำงานอยู่ที่ร้านชาบูแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี วันเกิดเหตุ ได้ดื่มเหล้าจนเมา แล้วขี่รถจักรยานยนต์ไปหาคนที่รู้จักซึ่งพักอยู่ที่ชั้น 4 โรงแรมที่เกิดเหตุ ไม่นานได้เดินลงมา ชั้นที่ 1 ระหว่างเดินไปที่จอดรถจักรยานยนต์ผ่านห้องผู้เสียหาย และสังเกตเห็นไม่ปิดประตูระเบียง จึงส่องเข้าไปในห้องพบทรัพย์สินวางอยู่โต๊ะ จึงได้กลับหอพักไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วขี่รถจักรยานยนต์กลับมาที่อพาร์ทเม้นท์ ก่อนจะปีนระเบียงเข้าขโมยเอากระเป๋า และสร้อยคอทองคำ แต่พอดีผู้เสียหายออกมาพบและเข้ามาแย่งทรัพย์สินคืน จึงชุลมุนกัน ผู้เสียหายแย่งได้กระเป๋าไป ส่วนตนถือสร้อยคอทองคำวิ่งออกมาจากห้อง ขี่รถจักรยานยนต์หนีไปห้องพัก และโดนตำรวจตามไปจับกุมดังกล่าว
ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายตะวัน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่โรงแรมดังกล่าวโดยไปชี้จุดที่ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าโรงแรม ก่อนจะเดินขึ้นไปหาเพื่อนที่นัดไว้พักอยู่ชั้น 4 เสร็จแล้วก็เดินลงมาเห็นห้องผู้เสียหายเปิดไฟ จึงส่องดูภายในห้องพบทรัพย์สินวางอยู่โต๊ะวางทีวี จึงอยากได้จากนั้นก็กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หอพัก แล้วขี่รถจักรยานยนต์กลับมาขโมยทรัพย์สิน โดยชี้จุดวางทรัพย์สิน และต่อสู้กับผู้เสียหาย ใช้เวลาทำแผนประกอบคำรับสารภาพประมาณ 30 นาที เสร็จแล้วควบคุมตัวกลับสภ.เมืองอุดรธานี
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องควบคุมที่ สภ.เมืองอุดรฯ นายตะวันได้ร้องไห้โผเข้ากอดนางหนูพิน ปัจจุโส อายุ 55 ปี ผู้เป็นแม่ ที่นั่งรอนายตะวันอยู่หน้าห้องขัง ต่างคนต่างร้องไห้ด้วยความเสียใจ โดยนางหนูพินได้พูดปลอบใจลูก ก่อนนายตะวันได้ก้มลงกราบตีนแม่แล้วเข้าไปในห้องควบคุม โดยนางหนูพินกล่าวว่าลูกชายเป็นคนนิสัยดี แต่ออกจะตุ้งติ้ง มาทำงานร้านอาหารในเมืองอุดรธานีได้ 1-2 สัปดาห์ เคยทำงานแล้วประมาณ 1 ปี แล้วลาออก และก็กลับมาทำงานใหม่ ซึ่งลูกบอกว่าจะกลับบ้านวันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้ แต่เมื่อคืนนี้เพื่อนที่ทำงานด้วยกันกับลูกโทรไปบอกตนจึงโทรหาลูกแต่ลูกไม่รับสาย ส่วนเรื่องแฟนลูกคงเป็นผู้ชายแต่ตนก็ไม่เคยเห็นว่าเป็นใคร
“อยากบอกลูกว่า อย่าไปทำอีก เมื่อทำไปแล้วก็แล้วไป ก็ให้ติดคุก อย่าคิดมากให้ทำใจ พ้นโทษออกไปแล้วก็ให้เป็นคนดี ถือว่าเป็นประสบการณ์ ส่วนตัวคิดว่าที่ลูกทำไปเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ส่วนสาเหตุที่ลูกก่อเหตุคิดว่าจะเอาสร้อยทองไปให้แฟน ไม่คิดว่าลูกจะเดือดร้อนเรื่องเงินเพราะเมื่อลูกขอแม่ก็โอนให้ใช้ประจำครั้งละ 100-200 บาท ทำงานก็ได้เงินเดือน 1 หมื่นกว่าบาท ลูกไม่เล่นการพนัน ไม่มีหนี้สิน ส่วนที่ลูกไปโรงแรมคงจะไปหาผู้ชาย คงไม่ไปหาผู้หญิง แม่คงไม่ประกันตัวลูก เพราะไม่มีเงิน ลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับ”
น.ส.จีรภา แก้วมหาดไทย อายุ 30 ปี พนักงานต้อนรับ กล่าวว่า คนรู้จักกับผู้เสียหายมาเปิดห้อง 5 โมงเย็น ส่วนผู้ก่อเหตุมาที่โรงแรมประมาณตี 3-4 ไม่เคยเห็นหน้าเลย ผู้ก่อเหตุไม่ได้มาเปิดห้องพัก แต่มีคนมาเปิดห้องพักรอ ใช้เวลาไม่นานก็เดินลงมา ส่วนผู้เสียหายเปิดประตูระเบียงหลังห้อง ซึ่งเป็นทางคนเดินผ่าน ผู้ก่อเหตุเดินผ่านจึงเห็นทรัพย์สิน เดินผ่านไปแล้วเดินกลับมา เห็นสิ่งของมีค่าเลยอยากได้ พอผู้เสียหายมาเห็นจึงได้ต่อสู้กัน จนผู้เสียหายปากแตก อยากเตือนผู้มาเข้าพัก ให้ระวัง เพราะคนเร่ร่อน หรือขโมยมีจำนวนมาก เก็บทรัพย์สินให้ดี ใช้ชีวิตไม่ประมาท ตนคิดว่าไม่ได้ตั้งใจชิงทรัพย์ ถ้าตั้งใจคงจะเจ็บหนักกว่านี้ ผู้ก่อเหตุเพียงแต่เดินผ่านมาเห็นแล้วอยากได้เท่านั้น
พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล เปิดเผยว่า คนร้ายก่อเหตุในยามวิกาล หลังได้รับแจ้ง สายตรวจ 191 พนักงานสอบสวน และตำรวจสืบสวนได้เข้าที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ เป็นคดีที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงให้ความสนใจ ได้สั่งกำชับให้ติดตามคนร้ายให้ได้ ซึ่ง พ.ต.ท.บรรจง พาโคตร สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ซึ่งมีความชำนาญในการติดตามคนร้ายผ่านกล้องวงจรปิด จึงได้ตรวจกล้องวงจรปิดจากเส้นทางที่หลบหนี ซึ่งขอขอบคุณเทศบาลนครอุดรธานี ที่วางโครงข่ายกล้องวงจรปิด จนรู้เส้นทางที่หลบหนีไปที่พักนำทองไปซ่อนไว้ แล้วหลบหนีการจับกุมไปทางรอยต่อ จ.หนองบัวลำภู แต่ตำรวจไม่ลดละความพยายาม ได้ซุ่มและวนเวียนดูที่พัก จนกระทั่งคนร้ายกลับมาจึงจับผู้ก่อเหตุได้พร้อมของกลาง
Share this content:
