ข่าว.กองทัพภาคที่ 1 นำคณะผู้สังเกตุการณ์ชั่วคราว (IOT) 8 ประเทศ ลงพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา บริเวณบ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง








ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้(22ส.ค.68) พลตรี สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 ผู้แทนกองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมด้วย พลตรีเบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ร่วมด้วยกรมข่าวทหาร จัดให้คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว IOT จาก 8 ประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ บรูไน, มาเลเซีย, ลาว, อินโดนีเซีย, เมียนมา, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และเวียดนาม รวมทั้งสิ้น 14 นาย โดยมี พล.ต.ซัมซุล ริซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทยทูต เป็นหัวหน้าคณะ
โดยคณะลงพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน หมู่ที่ 3 ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อหยุดยิง ตามที่บันทึกไว้ในการประชุม GBC ขณะที่ พื้นที่บ้านหนองจานฝ่ายไทย โดยกองทัพภาคที่ 1 นำเสนอปัญหาการลุกล้ำอธิปไตย ที่เกิดขึ้นยาวนาน เกิดขึ้นบริเวณหลักเขตแดนที่ 46 และ 47 บ้านหนองจาน ซึ่ง อดีตเคยเป็นที่ตั้งศูนย์อพยพ ให้ชาวเขมรที่หนีภัยสงครามยุคเขมรแดงในปี 2520 ปัจจุบันมีการรื้อถอนบ้านเรือน 6 หลัง โดยเจ้าหน้าที่กองกำลังบูรพาทำการรื้อถอนตามหลักมนุษยธรรม
ขณะที่คณะผู้สังเกตการณ์ทูตทหารได้สอบถามถึงยุทธวิธีที่กองทัพภาคที่ 1 ที่ปฏิบัติต่อสื่อมวลชน ภายใต้สถานการณ์ ช่วง เกิดการปะทะกัน ช่วงวันที่26-28 กรกฎาคม 68 ในชื่อ “ยุทธการยุทธบดินทร“ โดยมีพ.ต.ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับชุดเฉพาะกิจอรัญประเทศได้อธิบายให้ข้อเท็จจริงว่าชาวเขมรย้ายออกโดยไม่ขัดขืน โดยฝ่ายไทยมีการแนบเอกสาร ภาพถ่ายดาวเทียมถึงหลักเขตแดน และการล้ำแนวอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ยังมีภาพยืนยันที่ฝ่ายกัมพูชาได้นำมวลชนทั้งผู้หญิงเด็กและคนชรา เรียกร้องกดดันให้รื้อแนวรั้วลวดหนามในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ขณะที่นางคำผิน โอปั่น อายุ 68 ปี ชาวบ้านหนองจานเดินทางมาให้ข้อมูลพร้อมแสดงหลักฐาน ว่ามีเอกสารครอบครอง ที่ดิน 40 ไร่ ในบ้านหนองจาน จริงเป็นใบ น.ส.3 และดีใจที่หลายหน่วยงานสนใจ ตนและชาวบ้าน เรียกร้องต่อสู้มายาวนาน ที่ผ่านมาไม่มีความหวังเลย วันนี้ได้เห็นความหวังจากการที่ทหารล้อมรั้ว ได้เห็นได้ยืนบนที่ดินของตน แม้จะมีสิ่งปลูกสร้างบ้านเรือนชาวเขมรทิ้งไว้ก็ดีใจและมีความหวัง
ทั้งนี้บริเวณดังกล่าวมีประเด็นปัญหา เป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ ที่ฝ่ายไทยและกัมพูชาไม่สามารถตกลงที่ตั้งหลักเขตแดนได้ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าตำแหน่งหลักเขตที่ปรากฏในปัจจุบัน มีการเคลื่อนย้ายเข้าไปในฝั่งประเทศของตน จึงต้องรออาศัยกลไกทวิภาคี อาทิ JBC มาแก้ไขปัญหาในระยะยาว ท่าทีทหารยืนยันแม้ไม่เห็นหลักเขตแดนแต่ว่าได้ทำพิกัดภาพถ่ายทางอากาศเรียบร้อยแล้วและทำการติดตั้งแนวรั้วลวดหนามในบริเวณพื้นที่ต่างๆ ยังไม่ใช่การวางเพื่อระบุแนวเส้นเขตแดน เป็นเพียงการวางแนวเครื่องกีดขวางในการรักษาความปลอดภัยให้กำลังพล โดยเฉพาะป้องกันการลักลอบเข้ามาใช้อาวุธทุ่นระเบิดเพื่อทำร้ายฝ่ายไทย และเป็นลักษณะเสริมความมั่นคง ต่อที่วางกำลังของหน่วยทหารเท่านั้น
นอกจากนี้ยังพบว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ให้ราษฎรมาสร้างถิ่นฐานอย่างถาวร ทั้งในบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิ์ และนอกบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิ์ ไทย แจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นตลอด แต่กัมพูชากลับนิ่งเฉย ไม่มีการชี้แจงในรายละเอียด หรือแก้ไขใดๆ จึงยืนยันได้ว่าฝ่ายไทยได้ใช้การทักท้วง โดยสันติวิธีมาตลอด นอกจากนี้ได้คณะผู้สังเกตการณ์ ลงพื้นที่ดูแนวรั้วลวดหนาม ที่วางไส้ตลอด แนว ซึ่งยังห่างจากจากจุดหมุดเขตแดน ประมาณ 300 เมตร ขณะที่พื้นที่ควบคุมที่ทหารยึดคืนได้ ประมาณ 80 ไร่ ส่วนบ้าน 6 หลัง ที่ลงพื้นที่วันนี่ มีเนื้อที่ 27 ไร่เท่านั้น…….
…….รายงานข่าวจาก.ไตรรัตน์ มีวงษ์ จ.สระแก้ว……..
Share this content:
