สุรินทร์-ชาวบ้านแนวชายแดนยังคงอพยพมาอยู่ศูนย์พักพิงในเมือง พบชาวบ้านบางส่วนยังมีความเครียดในเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย -กัมพูชา










วันที่ 21 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ (วัดพรหมสุรินทร์) อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ พบว่ามีผู้อพยพมา 15 คน เดินทางจากบ้านสกล หมู่ที่ 8 ต.ตะเคียน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนช่องจอม 5 ก.ม. ซึ่งมีทั้งเด็กอายุ 1ปี 6เดือน และคนชรา อายุ 93 ปี ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ พร้อมกันนี้ยังพบคนป่วยอัมพฤกษ์ คนชราอีกหลายคนรวมแล้ว 15 คน ซึ่งยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือ ตอนนี้ได้แต่เอาข้าวสารและสิ่งของที่อยู่ที่บ้านเอามาใช้หลวงพ่อไปบิณฑบาตก็นำอาหารมาแบ่งให้บ้าง ของจำเป็นที่ขาดยังคงเป็นมุ้งอาหารแพมเพิสเด็กและผู้ใหญ่ และนมเด็กอีกด้วย
สัมภาษณ์ นาง กาญจนา โสมศรี (เสื้อสีน้ำตาล)อายุ 51 ปี บ้านสกล หมู่ 8 ต.ตะเคียน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เล่าว่า ตนนั้นเคยได้อพยพมาแล้วครั้งแรกและกลับไปบ้านแล้วได้รับทราบจากผู้นำชุมชนผู้ใหญ่บ้านให้ออกมาจากบ้านที่พักอาศัยก่อน ตนจึงกลับมาอยู่ที่สถานที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองจังหวัดสุรินทร์ (วัดพรหมสุรินทร์ ) เนื่องจากตนนั้นยังไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ตอนนี้เนื่องจากกัมพูชา ยังไม่เป็นที่ไว้ใจสำหรับตนและครอบครัวและเพื่อนบ้านอีกหลายคน ตนกลัวจะมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นอีกครั้งเนื่องจากบ้านตนนั้นอยู่ใกล้กับบ้านโจรกที่เคยมีเหตุบีเอ็ม 21 ตกลงบ้านทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 2 คนทำให้ตนนั้นหวาดระแวง จึงได้พาแม่และสามีซึ่งแม่มีอายุ 93 ปีมาพักอาศัยณศูนย์แห่งนี้ด้วย เนื่องจากแม่ตนนั้นช่วยเหลือตนเองไม่ได้ลำบากมากหากจะต้องอยู่ที่บ้านและวิ่งเข้าบังเกอร์ ตนจึงพาแม่และครอบครัวมาอยู่ตรงนี้ด้านอาหารการกินนั้นตนได้นำข้าวสารอาหารแห้งบางส่วนติดตัวมาด้วยบ้างก็ได้จากหลวงพ่อที่ไปบิณฑบาตมา อาศัยว่ายังมีที่พักพิงมีห้องน้ำสะดวกให้แม่ตนเข้า ส่วนการจะกลับไปบ้านนั้นตนยังไม่ทราบเหมือนกันว่าจะกลับไปเมื่อไหร่เพราะยังไม่วางใจกับเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา ตนนั้นได้ทราบข่าวเมื่อคืนว่ามีเสียงเหมือนปืนใหญ่ตกอยู่หลังประสาทตาควายตนก็รู้สึกใจไม่ดีแต่ก็ยังคิดว่าโชคดีที่ตนอพยพมาก่อน เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นตนคิดว่าพาแม่ตนซึ่งอายุ 93 ปีอพยพออกมาคงจะช้าไม่ทันการ ตนอยากให้เหตุการณ์ในครั้งนี้จบให้เร็วๆขึ้นเพราะตนเองนั้นคิดถึงบ้านเป็นห่วงบ้านแต่ตนก็ห่วงชีวิตตนเองและครอบครัวมากกว่า
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังที่วัดเทพสุรินทร์ (วัดคุ้มเหนือ) ถนนเทพสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ พบว่ามีผู้อพยพมาจากบ้านสกล ต.ตะเคียน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เช่นกัน ซึ่งมากกว่า 200 คน ทั้งเด็ก ผู้ชรา และหญิงตั้งครรภ์ โดยวันนี้(21 สิงหาคม 2568) นายแพทย์ยุทธนา วรรณโพธิ์กลาง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ MCATT ทีมเยียวยาจิตใจ ลงพื้นที่เยี่ยมผู้อพยพ เพื่อตรวจสภาพจิตใจและเยียวยาจิตใจสำหรับผู้ที่มีความเครียด
สัมภาษณ์ นายแพทย์ยุทธนา วรรณโพธิ์กลาง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ศูนย์พักพิงที่เป็นทางการนั้นได้ปิดตัวลงไปแล้ว เนื่องจากสถานการณ์ได้คลี่คลายลง แต่ก็ยังคงมีชาวบ้านบางส่วนที่ยังมีความหวาดระแวงไม่สบายใจกับเหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนไทย -กัมพูชา แต่ก็ยังคงมีประชาชนบางส่วนยังมีการมาอาศัยอยู่ในเขตนอกพื้นที่คล้ายๆศูนย์พักพิง โดยจะมีประชาชนนำลูกหลานและคนชรามาอาศัย ณ ที่แห่งนี้ ทาง สาธารณสุข จ.สุรินทร์ ร่วมกับ โรงพยาบาลสุรินทร์ โดยเข้ามาดูแลทางการแพทย์ และ MCATT ทีมเยียวยาจิตใจ เข้ามาดูแลด้านจิตใจ และประชาชนทั่วไปมาช่วยดูแลกัน โดยจัดบานของเล่นให้เด็กๆได้เข้ามาทำกิจกรรมวาดเขียนศิลปะต่างๆเพื่อไม่ให้เด็กเครียด ได้ผ่อนคลายแล้วได้เรียนรู้ โดยใช้วิธีธรรมชาติบำบัด จากการลงพื้นที่ได้ทราบอยู่ว่าได้มีประชาชนบางส่วนที่อพยพเข้ามามีอาการเครียดทางจิตใจทางแพทย์ก็ได้เข้าเยียวยาจิตใจและทำการรักษา โดยใช้วิธีพูดคุยลดการเสพข่าวด้านลบและการใช้ยาช่วยให้นอนหลับมากขึ้น
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์วัดเทพสุรินทร์ มีประชาชนแจ้งเข้ามาอยู่ว่าวันนี้จะมีการอพยพเข้ามาเนื่องจากเมื่อคืนได้ยินเสียงปืนใหญ่ที่ฝั่งกัมพูชา โดยทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งชาวบ้านว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นทางฝั่งกัมพูชา จึงระงับการอพยพไว้ก่อนแต่ให้ชาวบ้านทุกคนเตรียมพร้อมเสมอในการอพยพถ้าเกิดเหตุการณ์ปะทะขึ้นอีกด้วย
เขมชาติ ชุณหกิจขจร / รมิตา สิงหเสรี…ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์
Share this content:
