เกษตรกรชาวสวนยางพารา ตำบลคลองสระ นำลูกไฟกาหรือลูกไฟป่ามาปลูกในร่องสวนยางพาราเกือบ 200 ต้นให้ผลผลิตแล้วกว่า 100 ต้น ผลผลิตขายในราคากิโลกรัมละ 40 บาท สร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวไม่น้อยกว่า 1.5 แสนบาทต่อปีดีกว่ายางพาราหลายเท่า เพราะไม่ต้องดูแลอะไรใช้เพียงร่มเงาของต้นยางเท่านั้น








นายภิรมณ์ รักนพรัตน์ อายุ 68 บ้านเลขที่218 หมู่ ที่ 5 ต.คลองสระ อ.กายจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ตนได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่บ้านม่วงลีบ หมู่ที่ 5 ต.คลองสระมานาน เพื่อมาทำสวนยางพารา หลังจากทำสวนแล้วว่างๆไม่รู้จะทำอะไรก็เลยเดินเข้าไปเที่ยวในป่า เมื่อตนเข้าไปในป่าไปพบต้นลูกไฟกาหรือลูกไฟป่าจึงเก็บมากินที่บ้าน ส่วนเมล็ดก็ทิ้งไว้ข้างบ้านหลังจากนั้นไม่นานเมล็ดดังกล่าวออกงอกเป็นต้น ตนจึงลองนำไปปลูกในสวนยางที่มีอายุดูเพราะพืชชนิดนี้ชอบร่วมเงาไม่ต้องการแสงแดดที่มากเกินไปครั้งแรกปลูกเพียงไม่กี่ต้นให้ผลผลิตดี จึงลองนำไปขายดูได้รับความสนใจจึงปลูกเพิ่ม
ปัจจุบันตนมีต้นลูกไฟกาหรือลูกไฟป่าเกือบ 200 ต้น และให้ผลผลิตแล้วกว่า 100 ต้น ในปี 66 ลูกไฟกาให้ผลผลิตดีมากตนจึงให้ภรรยานำไปขายได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นผลไม้ที่แปลก และหากินยากในปีนี้ตนสามารถขายลูกไฟกาได้เกือบ 2 แสนบาท พอมาในปี 67 สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยลูกๆไฟกาให้ผลผลิตน้อยและมาปีนี้ถือว่าเป็นอีกปีที่ลูกไฟกาให้ผลผลิตมากเมื่อดูด้วยสายตาคาดว่าจะให้ผลผลิตต้นละประมาณ 150 -200 กิโลกรัม บางต้นไม่ถึง100 กิโลกรัม จำนวน 100 กว่าต้น ขายในราคากิโลกรัมละ 40 บาท คาดว่าจะมีรายได้จากการจำหน่ายได้ประมาณ 1.5 แสนบาท ซึ่งมากกว่าการกรีดยางพาราที่มีอยู่อีกเนื่องจากยางพาราแต่ละเดือนกรีดได้เพียงไม่กี่วัน หากเป็นหนาฝนก็กรีดไม่ได้เลย หากยางพลัดใบสามเดือนก็กรีดไม่ได้อีก
ลูกไฟกาหรือลูกไฟป่า การสังเกตเวลาสุกจัดจะมีสีแดงเข้ม จะสังเกตจากตัวกระรอกที่มากัดกิน นั้นหมายความว่าลูกไฟกาสุกแล้ว ลูกไฟกาจะสุกจากข้างบน(ยอด)มาส่วนโคนต้น เนื้อในจะเป็นสีขาวนวล รดชาติเปลี้ยว อมหวาน ถือว่าเป็นเจ้าแรกของสุราษฎร์ธานีที่นำต้นลูกไฟกาหรือลูกไฟป่ามาปลูกอย่างเป็นล้ำเป็นสัน ซึ่งไม่มีที่ไหนมาก่อน อีกทั้งเป็นของที่หากินยากมากในปัจจุบันนี้ ได้รับความสนใจจากเพื่อบ้านมาเยี่ยมชมและขอไปกินเพื่อลองดูกันบ้าง
ดังนั้นหากใครสนใจจะรับประทานลูกไฟกาหรือลูกไฟป่าสามารถสั่งจองได้ที่คุณพรเลิศ เพชรสุวรรณ หมายเลข 095-660-6900
Share this content: