ลำปาง-รมช.คลัง เปิดงาน“สุราชุมชน Lab สรรพสามิตสัญจร”ยกระดับผู้ผลิตสุราชุมชนไทยมีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน และปลอดภัยต่อผู้บริโภค









เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 27 มิ.ย. 2568 ที่ จ.ลำปาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ อาคารศูนย์นันทนาการสร้างสรรค์(โฮงละกอน)เทศบาลนครลำปาง มีกิจกรรมเปิดงาน“สุราชุมชน Lab สรรพสามิตสัญจร”โดยมี ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เป็นประธานพิธีเปิด นายกฤษณะ พินิจ รอง ผวจ.ลำปาง กล่าวต้อนรับ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้ประกอบการสุราชุมชนในพื้นที่ จ.ลำปางและใกล้เคียง กว่า 200 คน เข้าร่วมงานฯ
ทั้งนี้เพื่อ้ป็นการส่งเสริมความรู้แก่ผู้ผลิตสุราชุมชนให้สามารถยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐาน และปลอดภัยต่อผู้บริโภค โดยมุ่งเน้นการตรวจวิเคราะห์ ถ่ายทอดองค์ความรู้ และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานและหน้าที่ของผู้ประกอบการในการเสียภาษีสุรา
ดร.เผ่าภูมิ กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ประกอบด้วย การให้ความรู้ในการผลิตสุราตามมาตรฐานของกรมสรรพสามิต การนำเสนอแนวทางการส่งเสริมสนับสนุนภูมิปัญญาและการใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น การส่งเสริมการนำของเสียกลับไปใช้เพื่อการลดขยะให้เป็นศูนย์ (Zero Waste) รวมถึงการสนับสนุนด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านการประสานงานกันระหว่างคณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัด
ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นการต่อยอดจากนโยบายด้านการส่งเสริมสุราชุมชนของกรมสรรพสามิตที่มีการดำเนินการแล้วในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตที่กรมสรรพสามิตได้ดำเนินการลดอัตราภาษีตามมูลค่าสำหรับสุราแช่พื้นบ้าน เช่น อุ กระแช่ และสาโท จากเดิม 10% เหลือ 0% เพื่อลดภาระต้นทุนให้แก่ผู้ผลิตในท้องถิ่น และกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกัน กรมสรรพสามิตยังได้ผลักดันการแก้ไขกฎกระทรวงการผลิตสุราให้มีความทันสมัย โดยผ่อนปรนข้อจำกัดทางกฎหมายที่เคยเป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการรายใหม่ โดยในปัจจุบันมีผู้ประกอบการในระบบภาษีสรรพสามิต 2,119 รายและในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 กรมสรรพสามิตสามารถจัดเก็บภาษีจากการผลิตสุราชุมชนได้กว่า 1,200 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมสุราชุมชนอย่างชัดเจน และที่สำคัญคือการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นสู่ตลาดที่กว้างขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมวางรากฐานให้สุราชุมชนเป็นหนึ่งในเครื่องมือ Soft Power ของประเทศไทยที่แสดงถึงวัฒนธรรม ภูมิปัญญา และเศรษฐกิจฐานราก
ดร.เผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า ในวันนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของ ก.คลัง ในการวางรากฐานระบบเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแๅข็งและยั่งยืน ผ่านการส่งเสริมผู้ประกอบการสุราชุมชนด้วยองค์ความรู้ เทคโนโลยี และกฎหมายที่สนับสนุนให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและกรมสรรพสามิตจะเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลไกภาษีเป็นเครื่องมือในการพัฒนาอุตสาหกรรม ไม่เพียงแต่เพื่อการจัดเก็บรายได้เข้า สู่รัฐเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับคุณภาพชีวิตของประชาชน เศรษฐกิจชุมชน และประเทศ ภายใต้หลักการของสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) อย่างสมดุลและครอบคลุมทุกมิติ.
วินัย /ลำปาง รายงาน.

Share this content: