ตามรวบโจรขี้ยาปากแข็ง ขี่จยย.เข้าไปลักเครื่องชาร์จรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ในคลังสินค้าศูนย์ไปรษณีย์อุดรฯ









เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 26 มิถุนายน ร.ต.อ.อุดมโชค สิงหกุลศิริ รอง สว.สส.สภ.ย่อยโนนสูง อ.เมืองอุดรธานีพร้อมด้วยชุดสืบสวน จับกุมนายสมศักดิ์ ตามเมืองปักษ์ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 ม.1 ต.โนนสูง อ.เมืองอุดรธานี ในข้อกล่าวหา “ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ โดยใช้ยานพาหนะ และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” ได้พร้อมของกลาง เสื้อผ้าและหมวกปีกที่สวมใส่ขณะก่อเหตุ พร้อมด้วยรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 110 ไอ สีขาวดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จากภาพในคลิปกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้
โดยจับกุมตัวได้พร้อมของกลางที่บ้านเช่า ม.14 บ.ชัยเจริญ ต.โนนสูง อ.เมืองอุดรธานี ควบคุมตัวมาทำการสอบสวน แต่จากการสอบสวนนายสมศักดิ์ฯ ยังให้การปฏิเสธทั้งๆ ที่มีหลักฐานจากภาพของกล้องวงจรปิดที่ชัดเจนและมัดแน่น แต่ยอมรับว่าติดเสพยาบ้าวันละ 1-2 เม็ด และติดเสพมานานหลายปีแล้ว เคยถูกจับในข้อหาเสพยาบ้า เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาด้วย จากนั้น จนท.ตำรวจจึงนำตัวนายสมศักดิ์ ไปตรวจปัสสาวะพบว่าเป็นบวก
สำหรับการจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 11.10 น. วันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.เจนวัชน์ วิทยรติโชติตระกูล รอง สว.สอบสวน สภ.ย่อยโนนสูง ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ (นายบัญชา ทวีรัตน์ อายุ 31 ปี) แผนกคลังสินค้าศูนย์ไปรษณีย์อุดรธานี ถ.มิตรภาพ อุดรฯ-ขอนแก่น ม.4 บ.ข้าวสาร ต.โนนสูง อ.เมืองอุดรธานี ว่าเมื่อเวลา 17.51 น. วันที่ 21 มิ.ย.มีคนร้ายเป็นชายขี่รถ จยย.เข้ามาก่อเหตุลักเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ยี่ห้อ Heli ราคาประมาณ 40,000 บาท ในคลังสินค้าที่อยู่ด้านหลัง แล้วเอาใส่กล่องและมัดด้วยสายรัดใส่กับเบาะด้านหลังรถ จยย.ก่อนขับออกมาจากโกดังสินค้าหลบหนีไป โดยใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 10 นาที
ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าคนก่อเหตุมีตำหนิรูปพรรณและยานพาหนะคนร้าย ตรงกับนายสมศักดิ์ฯ ที่เคยทำงานขับรถกระบะส่งสินค้าที่ศูนย์ไปรษณีย์อุดรธานี เนื่องจากใส่เสื้อเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์สีแดงทับด้วยเสื้อกั๊กสีดำสะท้อนแสง แต่ได้ลาออกไปประมาณ 5-6 ปี และเคยเข้ามาหาเพื่อนในคลัง สินค้าอยู่บ่อยครั้ง โดยมีคลิปจากกล้อวงจรปิดบริเวณทางเข้าคลังสินค้า สามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้มาเป็นหลักฐาน
ต่อมาหลังจากตามจับตัวนายสมศักดิ์ได้พร้อมของกลางคือ เสื้อผ้าและรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ร.ต.อ.อุดมโชค ได้นำเสื้อผ้าและภาพรถจักรยานยนต์ที่นายสมศักดิ์ฯใช้ขณะก่อเหตุมาให้ดู ซึ่งนายสมศักดิ์ฯ ก็ยังปฏิเสธเสียแข็งอีก ทั้งๆที่เสื้อผ้า หมวก ยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุ ที่ตรวจยึดได้ที่บ้านเช่า ตรงกันกับภาพกล้องวงจรปิด แต่ยอมรับว่าเข้าไปคลังสินค้าจริง แต่ไม่ได้ขโมยทรัพย์สินดังกล่าวไป
ซึ่งในภาพกล้องวงจรปิดตอนที่นายสมศักดิ์ ขี่รถ จยย.เข้าไปในโกดังสินค้า ที่เบาะหลังรถจักรยานยนต์ไม่มีสิ่งของอะไรเลย แต่พอขี่รถกลับออกมา ก็มีกล่องขนาดใหญ่สีน้ำตาลวางอยู่เบาะด้านหลังรถ จยย.แต่นายสมศักดิ์ฯก็ยังปฏิเสธไม่ยอมรับ และบอกว่าในภาพไม่ใช่ตน แต่การตรวจสอบรถที่บังโคนล้อหลังมีรอยกาวของสติ๊กเกอร์สะท้อนแสงสีเหลืองและสีขาวออก และเอาสติ๊กเกอร์ตัวอักษร TRD สีแดงมาติดแทน เพื่ออำพรางและตบตาตำรวจที่กำลังติดตามตัวหลังก่อเหตุ
ร.ต.อ.อุดมโชค เปิดเผยว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่จากการรวบรวมหลักฐาน และกล้องวงจรปิด พบว่าชุดเครื่องแต่งกาย รถจักรยานยนต์ตรงกันกับวงจรปิด ซึ่งผู้ต้องหา ก็มีสิทธิในการปฏิเสธ แต่หลักฐานก็แน่นหนา เพราะสิ่งของหลักฐานต่างๆ ก็ค้นพบในบ้านเช่าของผู้ต้องหาเอง แต่ไม่พบของกลางที่เขาไปเอาขโมย ถ้าดูจากกล้องวงจรปิดเขาขี่รถจกรยานยนต์เข้าไปโกดังสินค้าที่อยู่ด้านหลังศูนย์ไปรษณีย์อุดรธานี ไม่มีสิ่งของ ผ่านไป 10 นาที เขาก็ขี่รถจักรยานยนต์ออกมา ด้านหลังรถก็มีกล่องสีน้ำตาลขนาดใหญ่รัดด้วยสายรัด ซึ่งสามารถใส่ตู้เครื่องชาร์จได้ ราคาเครื่องชาร์จไฟฟ้ารถโฟร์คลิฟท์ ประมาณ 4 หมื่นบาท คาดว่าจะนำไปขายแล้ว หรือมีออเดอร์สำหรับกลุ่มคนใช้รถไฟฟ้า
“ตนทำงานมา 30 กว่าปี ก็เคยมีผู้ต้องหาปากแข็งแบบนี้บ้าง แต่ถ้าขึ้นศาลแล้วก็จำนนด้วยพยานหลักฐาน และวัตถุพยาน ไม่ว่าจะเป็นคดียาเสพติด หรือคดีลักทรัพย์ แต่ก็ไปรับสารภาพในชั้นศาลทุกราย ครั้งนี้ก็เช่นกันที่ นายสมศักดิ์ก็ให้การปฏิเสธแบบไม่อาย แต่หลักฐานเราแน่นหนา ยังไงเสียเขาก็ต้องรับโทษที่ก่อไว้อย่างแน่นอนแน่นอน และคงไม่มีการลดโทษให้ด้วย”.
Share this content: