สาวร้องถูกนายจ้างโกงค่าแรง หลังทำงานจนป่วยติดโควิดเลือดกำเดาไหล แต่ถูกบีบให้ออกจากงาน อดทั้งเงินประกัน และค่าแรง -สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเผยมีลูกจ้างเข้าร้องทุกข์เฉลี่ยปีละกว่า 300 ราย**







**วันที่ 20 พฤษภาคม 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาว ชัญณษา ไชยชะนะ อายุ 31 ปี ลูกจ้างร้านอาหารแห่งหนึ่งในอำเภอบางสะพาน เดินทางเข้าร้องทุกข์กับสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถนนสุขใจ เขตเทศบาล อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ หลังถูกนายจ้างบีบให้ออกจากงานทางอ้อม เนื่องจากตนเองทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารแห่งหนึ่งแล้วป่วยติดโควิด 19 ทางร้านจึงสั่งพักให้หยุดงานเพื่อรักษาอาการป่วยและเมื่ออาการดีขึ้นนายจ้างให้กลับเข้าไปทำงานแต่ตนเองยังไม่หายป่วยจึงขอลาหยุดเพิ่มอีก 1 วัน แต่นายจ้างกลับให้คนอื่นมาทำงานแทน และลักษณะพูดอ้อมๆจนตนเองต้องจำใจลาออกจากงาน และเป็นข้ออ้างให้นายจ้างไม่จ่ายค่าแรงโดยอ้างว่าตนทำผิดข้อตกลงสัญญาจ้าง จึงไม่จ่ายทั้งค่าแรง และไม่คืนเงินค่าประกันที่หักไปอีกเดือนละ 500 บาท**
**นางสาวชัญณษา ไชยชนะ หรือ น้องนิก อายุ 31 ปี เล่าว่า ตนเองไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในอำเภอบางสะพานได้ทั้งหมด 14 วัน เริ่มตั้งแต่เมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา และได้รับเงินค่าจ้างวิกแรกไปแล้ว 7 วัน จนถึงสิ้นเดือนเมษายน หลังจากนั้นได้นับวันทำงานวิกใหม่โดยเริ่มตั้งแต่ 1 พฤษภาคม วันแรงงานก็ไม่ได้หยุด และทำงานต่อมาเรื่อยๆจนป่วยติดโรคโควิด 19 นายจ้างจึงให้หยุดงานพักรักษาตัว 7 วัน หลังจากนั้นยังไม่ครบ 7 วัน ก็เรียกให้ตนกลับเข้ามาทำงานแต่ตนยังไม่หายป่วยจึงขอลาหยุดเพิ่มอีก 1 วันแต่นายจ้างไม่ยอมและหาคนอื่นมาทำงานแทนและเมื่อตนถามว่าจะให้กลับเข้าไปทำงานได้วันไหนก็ไม่ได้รับคำตอบ ตนจึงเป็นฝ่ายบอกขอลาออกจากงานเพื่อจะได้ไม่ต้องโกรธเคืองกันและลำบากใจต่อกัน แต่ตนขอค่าแรงที่ค้างไว้ทั้งหมดแต่นายจ้างกลับอ้างว่าตนเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ยอมบอกลาออกล่วงหน้า จึงไม่คืนเงินประกันและไม่จ่ายเงินค่าแรงที่คงค้างไว้ทั้งหมด ทำให้ตนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมถูกเอารัดเอาเปรียบ และเมื่อทักทวงถามไปเรื่องเงินค่าแรง ก็ถูกเพิกเฉยโดยอ้างเพียงอย่างเดียวว่าตนผิดสัญญาข้อตกลงจึงไม่จ่าย ตนเองจึงได้มาร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือกับสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และเมื่อได้มาร้องเรียนในวันนี้ทำให้ตนได้รับรู้สิทธิที่ลูกจ้างแรงงานควรต้องได้รับหลายอย่าง สำหรับเพื่อนแรงงานที่ถูกเอารัดเอาเปรียบก็สามารถมาเรียกร้องสิทธิ์ที่ตนเองพึงได้รับได้ ไม่จำเป็นต้องมีเอกสารสัญญาจ้างใดๆ**
***นายกฤตผล แก่นนาคำ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า สำหรับในส่วนของลูกจ้างที่โดนเอารัดเอาเปรียบ หรือถูกโกงค่าแรง หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากนายจ้าง สามารถมายื่นเรื่องร้องเรียนได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้ เนื่องจากมี พรบ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 คุ้มครองอยู่ ทั้งในส่วนสวัสดิการ และค่าแรงของตัวลูกจ้างที่ต้องได้รับตามกฎหมาย ซึ่งการทำงานที่เป็นธรรมตัวลูกจ้างจะต้องทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมง มีเวลาพัก 1 ชั่วโมง นับเป็นสัปดาห์ต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมง หนึ่งอาทิตย์ก็ต้องมีเวลาพัก 1 วัน และที่สำคัญในส่วนค่าแรงปัจจุบันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ปรับขึ้นไปเป็นวันละ 352 บาทแล้ว หากนายจ้างจ่ายไม่ถึงถือว่าไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ก็จะมีความผิดหากลูกจ้างพบว่านายจ้างให้ค่าแรงที่น้อยกว่าก็สามารถมาแจ้งได้ สำหรับลูกจ้างที่ถูกให้ออกจากงานจะมีในส่วนของค่าชดเชยหรือค่าตกใจที่จะต้องได้รับตามกรอบกฏหมาย โดยทำงานครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี ก็จะต้องเอา 30 วันไปคูณกับอัตราค่าเฉลี่ยต่อวันและทำงานครบ 1 ปีแต่ไม่ครบ 3 ปีก็ต้องเอา 90 วันมาคูณ แล้วก็ครบ 3 ปีแต่ไม่ครบ 6 ปีก็ต้องเอา 180 วันมาคูณ เป็นต้น ซึ่งในส่วนของค่าชดเชยตรงจุดนี้ตัวลูกจ้างเองหลายคนอาจยังไม่ทราบว่าเป็นสิ่งที่ตนเองสมควรจะได้รับ หากนายจ้างให้ลูกจ้างออกจากงานโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าลูกจ้างก็จะได้รับในส่วนนี้หรือที่เรียกว่าค่าตกใจ เป็นเงินเดือนจำนวน 1 เดือน ด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีการทำสัญญากันก็ตามยังไงนายจ้างก็ต้องจ่าย หากเป็นในส่วนของเงินประกันที่หักจากลูกจ้างไว้นั้น หากลูกจ้างออกจากงานแล้วไม่ได้มีทรัพย์สินของทางร้านหรือทางบริษัทเสียหายทางผู้ประกอบการจะต้องคืนเงินค่าประกันให้ลูกจ้างทั้งหมด ยกเว้นแต่มีทรัพย์สินเสียหายจึงจะสามารถหักได้ ย้ำค่าแรงที่ลูกจ้างจะต้องได้รับตามกฎหมายหากมีการทำงานแม้เพียง 1 วันนายจ้างก็ต้องจ่าย และสำหรับในเคสกรณีนี้ทางสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้รับเรื่องร้องทุกข์ไว้แล้วและหลังจากนี้จะได้ประสานให้นายจ้างเข้ามาให้ปากคำเพื่อเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยเจรจาตามกฎหมายที่ลูกจ้างพึงจะได้รับ หากนายจ้างไม่ยินยอมทางสำนักงานก็จะต้องแจ้งความนายจ้างฟ้องต่อศาลแรงงานต่อไป สำหรับลูกจ้างที่ถูกอารัดเอาเปรียบจากนายจ้างหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถมาร้องเรียนได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หรือร้องเรียนผ่านระบบออนไลน์กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หรือเข้าไปศึกษาเรียนรู้ระเบียบกฎหมายการคุ้มครองแรงงานได้ทางเว็บไซต์ของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้เช่นกัน หรือสอบถามได้ที่เบอร์ 032-611-354 หรือ 032-604-011 หรือสายด่วนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน 1506 กด 3 ก็จะมีเจ้าหน้าที่รับเรื่อง ซึ่งทางเรายินดีให้บริการ***
/////////////////////////////////////////
พิสิษฐ์รื่นเกษมข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร 064-364-1644
**วันที่ 20 พฤษภาคม 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาว ชัญณษา ไชยชะนะ อายุ 31 ปี ลูกจ้างร้านอาหารแห่งหนึ่งในอำเภอบางสะพาน เดินทางเข้าร้องทุกข์กับสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถนนสุขใจ เขตเทศบาล อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ หลังถูกนายจ้างบีบให้ออกจากงานทางอ้อม เนื่องจากตนเองทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารแห่งหนึ่งแล้วป่วยติดโควิด 19 ทางร้านจึงสั่งพักให้หยุดงานเพื่อรักษาอาการป่วยและเมื่ออาการดีขึ้นนายจ้างให้กลับเข้าไปทำงานแต่ตนเองยังไม่หายป่วยจึงขอลาหยุดเพิ่มอีก 1 วัน แต่นายจ้างกลับให้คนอื่นมาทำงานแทน และลักษณะพูดอ้อมๆจนตนเองต้องจำใจลาออกจากงาน และเป็นข้ออ้างให้นายจ้างไม่จ่ายค่าแรงโดยอ้างว่าตนทำผิดข้อตกลงสัญญาจ้าง จึงไม่จ่ายทั้งค่าแรง และไม่คืนเงินค่าประกันที่หักไปอีกเดือนละ 500 บาท**
**นางสาวชัญณษา ไชยชนะ หรือ น้องนิก อายุ 31 ปี เล่าว่า ตนเองไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในอำเภอบางสะพานได้ทั้งหมด 14 วัน เริ่มตั้งแต่เมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา และได้รับเงินค่าจ้างวิกแรกไปแล้ว 7 วัน จนถึงสิ้นเดือนเมษายน หลังจากนั้นได้นับวันทำงานวิกใหม่โดยเริ่มตั้งแต่ 1 พฤษภาคม วันแรงงานก็ไม่ได้หยุด และทำงานต่อมาเรื่อยๆจนป่วยติดโรคโควิด 19 นายจ้างจึงให้หยุดงานพักรักษาตัว 7 วัน หลังจากนั้นยังไม่ครบ 7 วัน ก็เรียกให้ตนกลับเข้ามาทำงานแต่ตนยังไม่หายป่วยจึงขอลาหยุดเพิ่มอีก 1 วันแต่นายจ้างไม่ยอมและหาคนอื่นมาทำงานแทนและเมื่อตนถามว่าจะให้กลับเข้าไปทำงานได้วันไหนก็ไม่ได้รับคำตอบ ตนจึงเป็นฝ่ายบอกขอลาออกจากงานเพื่อจะได้ไม่ต้องโกรธเคืองกันและลำบากใจต่อกัน แต่ตนขอค่าแรงที่ค้างไว้ทั้งหมดแต่นายจ้างกลับอ้างว่าตนเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ยอมบอกลาออกล่วงหน้า จึงไม่คืนเงินประกันและไม่จ่ายเงินค่าแรงที่คงค้างไว้ทั้งหมด ทำให้ตนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมถูกเอารัดเอาเปรียบ และเมื่อทักทวงถามไปเรื่องเงินค่าแรง ก็ถูกเพิกเฉยโดยอ้างเพียงอย่างเดียวว่าตนผิดสัญญาข้อตกลงจึงไม่จ่าย ตนเองจึงได้มาร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือกับสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และเมื่อได้มาร้องเรียนในวันนี้ทำให้ตนได้รับรู้สิทธิที่ลูกจ้างแรงงานควรต้องได้รับหลายอย่าง สำหรับเพื่อนแรงงานที่ถูกเอารัดเอาเปรียบก็สามารถมาเรียกร้องสิทธิ์ที่ตนเองพึงได้รับได้ ไม่จำเป็นต้องมีเอกสารสัญญาจ้างใดๆ**
***นายกฤตผล แก่นนาคำ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า สำหรับในส่วนของลูกจ้างที่โดนเอารัดเอาเปรียบ หรือถูกโกงค่าแรง หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากนายจ้าง สามารถมายื่นเรื่องร้องเรียนได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้ เนื่องจากมี พรบ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 คุ้มครองอยู่ ทั้งในส่วนสวัสดิการ และค่าแรงของตัวลูกจ้างที่ต้องได้รับตามกฎหมาย ซึ่งการทำงานที่เป็นธรรมตัวลูกจ้างจะต้องทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมง มีเวลาพัก 1 ชั่วโมง นับเป็นสัปดาห์ต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมง หนึ่งอาทิตย์ก็ต้องมีเวลาพัก 1 วัน และที่สำคัญในส่วนค่าแรงปัจจุบันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ปรับขึ้นไปเป็นวันละ 352 บาทแล้ว หากนายจ้างจ่ายไม่ถึงถือว่าไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ก็จะมีความผิดหากลูกจ้างพบว่านายจ้างให้ค่าแรงที่น้อยกว่าก็สามารถมาแจ้งได้ สำหรับลูกจ้างที่ถูกให้ออกจากงานจะมีในส่วนของค่าชดเชยหรือค่าตกใจที่จะต้องได้รับตามกรอบกฏหมาย โดยทำงานครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี ก็จะต้องเอา 30 วันไปคูณกับอัตราค่าเฉลี่ยต่อวันและทำงานครบ 1 ปีแต่ไม่ครบ 3 ปีก็ต้องเอา 90 วันมาคูณ แล้วก็ครบ 3 ปีแต่ไม่ครบ 6 ปีก็ต้องเอา 180 วันมาคูณ เป็นต้น ซึ่งในส่วนของค่าชดเชยตรงจุดนี้ตัวลูกจ้างเองหลายคนอาจยังไม่ทราบว่าเป็นสิ่งที่ตนเองสมควรจะได้รับ หากนายจ้างให้ลูกจ้างออกจากงานโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าลูกจ้างก็จะได้รับในส่วนนี้หรือที่เรียกว่าค่าตกใจ เป็นเงินเดือนจำนวน 1 เดือน ด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีการทำสัญญากันก็ตามยังไงนายจ้างก็ต้องจ่าย หากเป็นในส่วนของเงินประกันที่หักจากลูกจ้างไว้นั้น หากลูกจ้างออกจากงานแล้วไม่ได้มีทรัพย์สินของทางร้านหรือทางบริษัทเสียหายทางผู้ประกอบการจะต้องคืนเงินค่าประกันให้ลูกจ้างทั้งหมด ยกเว้นแต่มีทรัพย์สินเสียหายจึงจะสามารถหักได้ ย้ำค่าแรงที่ลูกจ้างจะต้องได้รับตามกฎหมายหากมีการทำงานแม้เพียง 1 วันนายจ้างก็ต้องจ่าย และสำหรับในเคสกรณีนี้ทางสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้รับเรื่องร้องทุกข์ไว้แล้วและหลังจากนี้จะได้ประสานให้นายจ้างเข้ามาให้ปากคำเพื่อเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยเจรจาตามกฎหมายที่ลูกจ้างพึงจะได้รับ หากนายจ้างไม่ยินยอมทางสำนักงานก็จะต้องแจ้งความนายจ้างฟ้องต่อศาลแรงงานต่อไป สำหรับลูกจ้างที่ถูกอารัดเอาเปรียบจากนายจ้างหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถมาร้องเรียนได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หรือร้องเรียนผ่านระบบออนไลน์กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หรือเข้าไปศึกษาเรียนรู้ระเบียบกฎหมายการคุ้มครองแรงงานได้ทางเว็บไซต์ของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้เช่นกัน หรือสอบถามได้ที่เบอร์ 032-611-354 หรือ 032-604-011 หรือสายด่วนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน 1506 กด 3 ก็จะมีเจ้าหน้าที่รับเรื่อง ซึ่งทางเรายินดีให้บริการ***
/////////////////////////////////////////
พิสิษฐ์รื่นเกษมข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร 064-364-1644
Share this content: