อับดุลหาดี/ยะลา/17พ.ค.68
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พบปะผู้เข้าร่วมกิจกรรมการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินและมาตรการขยาย Soft loan เพื่อยกระดับความรู้ทางการเงิน-เข้าถึงสินเชื่ออย่างปลอดภัย





วันนี้ (17 พฤษภาคม 2568) ที่ ห้องพิมพ์มาดา โรงแรมปาร์ควิว อำเภอเมือง จังหวัดยะลา พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ปฐกถาพิเศษเรื่องการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในการขอสินเชื่ออย่างถูกต้องและเป็นธรรม ในกิจกรรมการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินและมาตรการขยาย Soft loan โดยมี นายอับดุลอายี สาแม็ง รองประธานคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภคคนที่ 4 นาวาเอก จักรพงษ์ อภิมหาธรรม ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน ศอ.บต. ตลอดจน ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ ประชาชนในพื้นที่จังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดใกล้เคียงผู้ที่สนใจ จำนวน 220 คน เข้าร่วม
พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบตั้งแต่ปี 2547 รัฐบาลในขณะนั้นได้ช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจของประชาชนในพื้นที่โดยการให้มีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ แต่อย่างไรก็ตาม ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขนั้นมีการกำหนดระยะเวลา ซึ่งทำให้กระทบผู้ประกอบการที่ได้กู้เงินไป จึงทำให้ต้องมาหาแนวทาง ในเรื่องนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบแล้ว และมีข้อสั่งการให้กระทรวงการคลังเตรียมการให้ความช่วยเหลือขยายเวลาออกไป วันนี้จึงได้มาร่วมรับฟังว่าหากจะขยายเวลาจะมีเงื่อนไขอะไรที่เป็นอุปสรรคและนำเอาปัญหาประชาชนไปเสนอ ค.ร.ม. โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักธุรกิจทั้งรายเก่าและรายใหม่ที่จะสามารถเดินหน้าต่อเนื่องทางเศรษฐกิจได้ รวมถึงข้อห่วงใยอื่นๆ เช่น ในเรื่องความเป็นธรรมของการชำระ ซึ่งนอกจากการแก้ปัญหา Soft loan แล้วยังสามารถปลดล็อคเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคอื่นๆด้วย
สำหรับโครงการสัมมนาเรื่อง “การคุ้มครองผู้บริโภค 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน“ ครั้งนี้จัดขึ้นโดยคณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจ และสร้างการตระหนักถึงสิทธิและหน้าที่ของผู้บริโภคที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย รวมถึงสิทธิของผู้บริโภคในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินอย่างเป็นธรรม นอกจากนี้เพื่อศึกษาปัญหาของผู้บริโภคในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน และศึกษาแนวทางการช่วยเหลือผู้บริโภคในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากการขอสินเชื่อ
กิจกรรมในครั้งนี้เป็นกิจกรรมที่คณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการรักษาสิทธิผู้บริโภคจากการกู้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีความท้าทายทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม แต่การเข้าถึงแหล่งทุนและสินเชื่อที่เหมาะสมยังคงเป็นปัญหาหลักที่ผู้บริโภคเผชิญ เนื่องจากขาดความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสิทธิพึงได้รับตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ของผู้บริโภคในด้านต่าง ๆ ประกอบกับพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ได้ บัญญัติสิทธิของผู้บริโภคไว้ 5 ประการ ได้แก่ 1.สิทธิที่จะได้รับข่าวสาร รวมทั้งคำพรรณนาคุณภาพที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ 2.สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ 3.สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ 4.สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา และ 5.สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหายรวมถึงขั้นตอนในการเข้าถึงสินเชื่อ ตลอดจนการป้องกันการละเมิดสิทสิทธิจากธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ให้บริการสินเชื่อ ซึ่งมีผลต่อความเป็นธรรมและความเป็นอยู่ของผู้บริโภคในระยะยาว ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคยังจำเป็นต้องเข้าใจถึงความเสี่ยงและข้อกำหนดที่มาพร้อมกับการขอสินเชื่อ เช่น การคำนึงถึงอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทางการเงินในอนาคต การให้ข้อมูลและคำแนะนำที่ถูกต้องเกี่ยวกับสินเชื่อสำหรับผู้บริโภคจึงเป็นเรื่องที่สำคัญในการให้ผู้ประกอบการสามารถตัดสินใจใด้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
Share this content: