





“พยัคฆ์ไพร”สนธิกำลังตรวจบุกรุกป่าเกาะช้าง พบป่าถาวรบนเนินเขาถูกบุกรุกกว่า 200 ไร่
เมื่อวันที่ 25 เม.ย.68 นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ สั่งการให้ นายชาญชัย กิจศักดาภาพ ผอ.ส่วนปฏิบัติการพิเศษ หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) นำเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจฯพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้,ศูนย์ป่าไม้ จ.ตราด,หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ตร.1 (คลองสะตอ),ปทส.,อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง, ตำรวจ,ทหาร,ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ตรวจสอบ หลังจากอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศจากดาวเทียม พบพื้นที่ต้องสงสัย บริเวณพื้นที่บ้านคลองพลู หมู่ 4 ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด ถูกเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่า จำนวน 4 จุด ซึ่งอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง 1 จุด และเขตป่าไม้ถาวร 3 จุด เนื้อที่รวมประมาณ 200 ไร่
เป้าหมายที่เข้าตรวจสอบในครั้งนี้ อยู่ในซอยสวนส้ม หมู่ 4 ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง แปลงแรกเจ้าหน้าที่ตรวจพบมีการปรับพื้นที่ทำประโยชน์สร้างที่พักอาศัย บนเนินเขาที่มีความลาดชันเกิน 35 องศา พบคนงานชาวกัมพูชา 2 คน กำลังต่อเติมที่พักอาศัยอยู่ ได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า เจ้าของบ้านที่ว่าจ้างนั้นเป็นชาวต่างชาติ พื้นที่ใกล้เคียงกันซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหาดคลองพร้าว พบมีการปรับพื้นที่และตัดโค่นไม้หวงห้าม ใช้พื้นที่ปลูกต้นทุเรียนกว่า 100 ต้น-มังคุดกว่า 100 ต้นอายุกว่า 1 ปีแล้ว และด้านล่างพบมีการปลูกปาล์มน้ำมัน รวมพื้นที่ทั้งหมดกว่า 70 ไร่ นอกจากนี้แล้วเจ้าหน้าที่ยังได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงกันซึ่งอยู่บนเนินเขา พบมีการปรับพื้นที่ตั้งเสาคอนกรีต เตรียมก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยขนาด 14×14 เมตร ขณะเข้าตรวจสอบไม่พบคนงานก่อสร้าง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดรถแบ็คโฮเล็กจำนวน 1 คัน บริเวณโดยรอบจะมีต้นยางพาราอายุประมาณ 10 ปี คาดว่ามีการครอบครองทำประโยชน์มาหลายปีแล้ว
นายชาญชัย กิจศักดาภาพ ผอ.ส่วนปฏิบัติการพิเศษ หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) กล่าวว่า ภารกิจครั้งนี้เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากการตรวจสอบเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา หลังได้รับเบาะแสจากประชาชน และผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศ พบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าในหลายจังหวัดภาคตะวันออก เพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจ เช่น ทุเรียน ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และมังคุด สำหรับเกาะช้าง พบว่ามีเป้าหมายสำคัญ 4 แปลง โดยจุดแรกที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่วันนี้ พบว่ามีการบุกรุกป่าใหม่เพื่อปลูกทุเรียนและปาล์มน้ำมัน รวมพื้นที่ประมาณ 70 ไร่ จากการพิสูจน์ทราบพบผู้ครอบครอง 2 ราย รายหนึ่งเป็นคนในพื้นที่ และอีกรายผู้ครอบครองเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทราบชื่อแล้ว และจะดำเนินการแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน สภ.เกาะช้าง
พื้นที่ทั้งหมดที่ตรวจพบมีการครอบครองทำประโยชน์เป็นพื้นที่“ป่าไม้ถาวร” ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐ อยู่ภายใต้การดูแลของกรมพัฒนาที่ดิน โดยจะใช้กฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 หากผู้ที่ครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวไม่สามารถนำเอกสารสิทธิ์มาแสดงได้ จะต้องมีการดำเนินคดี สำหรับแปลงเป้าหมายอื่นๆ แปลงที่ 2 พื้นที่ 42 ไร่ ตรวจสอบพื้นที่เรียบร้อย แปลงที่ 3 พื้นที่ 80 ไร่ พบว่ามีพื้นที่บางส่วนเคยถูกใช้ประโยชน์มาก่อน และบางส่วนมีการเปิดพื้นที่ใหม่ ต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติม แปลงที่ 4 พื้นที่ 10 ไร่ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ทุกแปลงเจ้าหน้าที่ได้ทราบผู้ครอบครองแล้ว
หลังจากตรวจสอบพื้นที่ทุกแปลงแล้ว เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะกลับไปยังที่ทำการอุทยานฯ เพื่อวิเคราะห์รายละเอียดของแต่ละแปลง เพื่อแยกออกว่า แปลงใดต้องแจ้งความดำเนินคดี และแปลงใดต้องตรวจสอบเพิ่มเติม พร้อมกับให้ความเป็นธรรมกับผู้ครอบครองทุกแปลง โดยจะมีการติดต่อให้ผู้ที่ทำประโยชน์นำเอกสารหลักฐานการครอบครอง มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ในเบื้องต้นจากการวิเคราะห์จากภาพถ่ายทางอากาศ พบว่าพื้นที่ป่าถาวรบุกรุกทั้งหมดรวมกว่า 200 ไร่ โดยแปลงที่ 1 มีขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งตามเกณฑ์ทางกฎหมาย หากเกิน 25 ไร่ จะถือเป็นคดีร้ายแรง และหากเกิน 50 ไร่ ถือเป็นคดีรายใหญ่ ถ้ามีการบุกรุกจริงต้องดำเนินดดีตามกฏหมายต่อไป
ภาพ/ข่าว วรโชติ เกาะช้าง-วิเชียร ม่วงสี ทีมข่าวภูมิภาค /รายงาน
Share this content: